resident evil remake บทสรุป ถ้ากล่าวถึงเกมแนว Action Survival ที่เป็น 1 ในตำนานเกมที่ดีที่สุดบนเครื่อง PlayStation หลายๆคนก็น่าจะเคยได้สัมผัสกันมาแล้วกับ Resident Evil หรือ Bio Hazard ที่ซีรีย์นี้ก็ออกมาหลายต่อหลายภาค ดีบ้างห่วยบ้างปนๆกันไป สำหรับในครั้งนี้ทาง Capcom ได้นำภาคแรกสุด ที่กล่าวได้ว่าเป็น Resident Evil ที่ยากที่สุดในซีรีย์ กลับมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งในรูปแบบ HD 1080p ที่ไม่ใช่ Upscaled Original Graphics
ในส่วนของตัวเกม เล่าคร่าวๆ เผื่อใครไม่เคยเล่น ก็เป็นภาคแรกสุดในซีรีย์ Resident Evil (แต่ในแง่เนื้อเรื่องอันนี้เป็นเนื้อเรื่องที่ต่อจาก Zero ) ซึ่งเราก็รับบทเป็น Chris Redfield หรือ Jill Valentine ซึ่งอยู่ในทีม Alpha ของหน่วย S.T.A.R. ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ แล้วเราก็ได้เจอเฮลิคอปเตอร์ของทีม Bravo ซึ่งถูกส่งมาสำรวจเป็นทีมแรก แล้วขาดการติดต่อไป ตกเป็นซากอยู่ จึงได้จอดเพื่อเข้าไปสำรวจความเสียหาย และกระจายกำลังค้นหาผู้ที่ยังพอมีชีวิตรอด แต่จู่ๆก็ถูกฝูงหมาป่าเข้าโจมตี เราก็เลยต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเข้ามาหลบในคฤหาสน์ร้างที่อยู่ตรงหน้า แล้วฝันร้ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ในส่วนของเกมเพลย์ก็เป็นเกมแนวแอคชั่นเอาตัวรอดในดงซอมบี้ ใครที่เคยเล่นภาค 4 – 5 – 6 – Revelations มาก่อน อาจจะต้องปรับตัวหน่อย เพราะวิธีการบังคับ 3 ภาคแรก จะไม่เหมือนภาคหลังๆ เพราะเป็นเกมแอคชั่นแบบตัดมุมกล้อง ไม่ได้เป็นมุมกล้อง Real-time กล้องจ่อข้ามไหล่เหมือนภาคหลังๆละ โดยตัวเกมก็จะเปิดโอกาสให้เลือกได้ว่าจะเล่นเป็น Chris Redfield หรือ Jill Valentine ซึ่งทั้ง 2 ตัวละครก็ความยากง่ายต่างกัน โดย Chris จะมีช่องเก็บของน้อยกว่า Jill และปริศนาของ Chris ถ้าจากภาคเก่าจะวิ่งรอกวนไปวนมาเยอะกว่า Jill พอสมควร (หรือเรียกง่ายๆว่า เล่น Chris ยากกว่า Jill)
มาว่าด้วยเรื่องกราฟฟิก ก็กราฟฟิกระดับ Next-Gen เท่าที่แอบไปเปิดดูภาพจาก Gamecube ก็คงยก Gamecube มาทั้งดุ้นแล้วเอามาปรับแต่งน่ะแหละ กราฟฟิกปรับปรุงใหม่รายละเอียดสวยงาม ได้บรรยากาศเกมสยองขวัญ แม้ในบางจังหวะอาจจะดูมืดๆไปหน่อยจนดูไม่ออกว่าไหนประตูไหนกำแพงก็ตาม ก็ยังดีที่มีปรับความสว่างให้เล่นง่ายขึ้นแต่เล่นนานๆก็ปวดตาพอสมควร เพราะต้องเพ่งนี่ล่ะ
ในส่วนของเกมเพลย์ใครที่เคยเล่นภาคแรกสมัย PlayStation มาเชี่ยวๆ บอกได้เลยว่า คฤหาสน์สนามเด็กเล่นที่คุณเคยวิ่งเล่นจำทางได้หมดทุกซอกทุกมุม แม่งเปลี่ยนใหม่หมดซะจนเกือบจะเป็นเกมใหม่ คุณจะรู้สึกคุ้นเคยแค่ Puzzle หลักๆบางอย่าง พวกห้องโถงใหญ่ หรือ Emblem บางตัว นอกนั้น ต้องมานั่งวิ่งรอกหาทางแก้กันใหม่หมด บางห้องก็มีเพิ่มเข้ามา บางส่วนที่เมื่อก่อนเป็นทางตันก็กลับมีห้องใหม่มาให้สำรวจซะงั้น รวมถึงมีไอเทมใหม่ๆเพิ่มเข้ามาที่เราต้องมานั่งหาทางแก้ว่า แล้วจะเอาแม่งไปใช้กับส่วนไหนของเกมวะ!! ณ ตอนที่เล่นยังเล่นไปได้ไม่ไกลก็เจอ Puzzle ใหม่ เจอทางใหม่ๆ 5-6 จุดละ คาดว่า Puzzle ในเกมช่วงกลางๆกับช่วงหลังๆก็คงจะเปลี่ยนไปด้วยนั่นแหละ
ในภาคแรกนี้จะมีความเป็น Survival สูง และวิ่งรอกหาของวนเวียนในพื้นที่ปิด ไอ้แบบระเบิดตูมตามวิ่งสู้ฟัดอย่างภาค 6 หรือลุยซอมบี้มาเป็นฝูงอย่างภาค 5 นี่ ให้ลืมมันไปแล้ววางความเคยชินเก่าๆเอาไว้ตรงนั้น เพราะภาคแรกกระสุนจำกัดจำเขี่ยมาก ใครเล่นบู๊ล้างผลาญอย่างเดียวนี่ จะไม่รอดเอาได้ง่ายๆ (ส่วนใครที่เคยเล่นภาค Revelations มา ก็อาจจะคุ้นๆอารมณ์ภาคแรกหน่อย แบบวิ่งเข้าห้องนี้เอาของไปใส่ในห้องนั้นแล้วกลับเอาของจากห้องนั้นวิ่งไปใส่ในห้องโน้น แต่อันนี้ถึงพริกถึงขิงกว่าภาค Revelations เยอะ)
การบังคับในเกมสำหรับคนที่ใช้จอย Xbox360 ตรงนี้ก็มีปรับแต่งจอยให้บังคับแบบ Alternative ได้เพื่อให้เล่นอย่างสะดวกโยธินมากขึ้น บังคับง่ายขึ้น แต่คนที่ชินกับการบังคับแบบเก่าก็มีให้ปรับแบบ Original เช่นกัน (แต่เท่าที่เล่นด้วยจอย Xbox360 บังคับแบบ Original ด้วยก้านอนาลอก จัดว่ายากพอดู ต้องไปใช้ D-Pad แทน) กับมีตินิดเดียวในส่วนของการบังคับ คือเวลาเรายืนเฉยๆแล้วหมุนเลี้ยวซ้ายหรือขวา ของภาคเก่าตัวละครจะหมุนทันที ในส่วนของภาคนี้จะมี gap ช่วงที่ตัวละครก้าวเท้าเพื่อหันตัวละครไปทางซ้ายหรือขวา ตรงนี้จะสมจริงขึ้นแต่ในเชิงการเล่นจะรู้สึกติดขัดนิดหน่อย ต้องเล่นไปสักพักถึงจะชิน
ครั้งนี้มีไอเทมเสริมให้ด้วย นั่นคือ Defensive Item โดยจะเป็นมีดสั้นที่สามารถเก็บได้ตามรายทาง ใช้สำหรับเวลาที่เราพลาดท่าโดนซอมบี้กัด เราก็จะใช้เจ้ามีดนี่จิ้มเข้าเบ้าตาซอมบี้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้รู้สึกถึงการเอาตัวรอดมากขึ้นเพราะซอมบี้เมื่อโดนจิ้มลูกกะตาก็จะชะงักไปชั่วคราว ทำให้เรามีโอกาสที่จะยิงกบาลมันให้ตายคือมือหรือจะวิ่งหนีแท่ดๆไปห้องอื่นก็ตามแต่สะดวก (เห็นมีลูกระเบิดด้วย เดาว่าคงใช้คล้ายๆกันกับมีดสั้น แต่ยังหาไม่เจอ)
คัทซีนแทรกจะมีเยอะขึ้นกว่าเดิม จากแต่ก่อนเป็นแค่บทสนทนาสั้นๆ อย่างตอนแยกกับ Jill ในช่วงแรก หรือช่วงที่เจอปืนตกอยู่ รวมถึงคัทซีนเล่าเรื่องก็มีมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ซึมซับเรื่องราวได้อรรถรสราวดูหนังชั้นดีเรื่องนึงมากขึ้น
ระบบการบันทึกเกมก็ยังคงใช้ระบบเดิมที่ยังคงเป็นเสน่ห์ของ Resident Evil 3 ภาคแรก นั่นคือต้องหาผ้าหมึกพิมพ์ดีด มาใส่ในเครื่องพิมพ์ดีดเพื่อบันทึกเกมเอาไว้มาเล่นต่อวันหลัง ซึ่งตำแหน่งของเครื่องพิมพ์ดีดนี่ก็เปลี่ยนไปจากภาคออริจินอลพอสมควร แต่สำหรับคอเกมระดับฮาร์ดคอร์ ผ้าหมึกอะไรจริงๆก็ไม่จำเป็นร้อก
ต๊ะเอ๋! ซีนในตำนานแบบ HD รายละเอียดสมจริง
สรุปว่าคุ้มมั้ยสำหรับภาคนี้? resident evil remake บทสรุป
ถ้าเคยเล่นภาคนี้บน Gamecube มาแล้ว อันนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าคุ้มกับการซื้อมาเล่นอีกรอบมั้ย เพราะเท่าที่ย้อนกลับไปดูภาพของ Gamecube ก็ใกล้เคียงกับภาคนี้มาก ก็คงยกมาพอร์ตลง PC นั่นแหละ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นบน Gamecube มาก่อน เคยเล่นแต่บน PlayStation การทำ HD Remaster ในครั้งนี้เรียกได้ว่า พลิกโฉมใหม่ของเกมเก่าที่คุณเคยเล่นมาก่อนโดยสิ้นเชิง ปริศนาในเกม รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แทบไม่เหมือน Resident Evil ที่คุณเคยได้สัมผัสมาก่อน รวมถึงคนที่ยังไม่เคยเล่นภาคแรกๆ จะเพราะรู้สึกว่าเกมเก่าแล้วก็ดี จะรู้สึกว่าโพลีก้อนเป็นก้อนๆไม่น่าเล่นก็ดี แนะนำให้ลองเล่นภาคนี้แล้วจะรู้ซึ้งว่า เกมแอคชั่นเอาตัวรอดในดงซอมบี้ที่แท้จริงน่ะ มันเป็นยังไง resident evil remake บทสรุป