บทสรุปและเนื้อเรื่อง resident evil 3 remake บทสรุป

สารบัญ

resident evil 3 remake บทสรุป บทสรุป Resident Evil 3 Remake นี้จะเป็นการแนะนำเทคนิคการผ่านในแต่ละจุดจากประสบการณ์การเล่นของผมโดยจะเน้นไปที่เนื้อเรื่องเป็นหลัก หากเพื่อนๆ มีเทคนิคที่ดีกว่าก็สามารถแนะนำให้เพิ่มเติมมาได้เลยนะครับ ในบางจุดอาจจะแปลคร่าวๆ ไม่ได้แปลละเอียดนะครับ

Intro resident evil 3 remake บทสรุป

resident evil 3 remake บทสรุป Raccoon City เป็นเมืองมหานครอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ทางตอนตะวันตกกลางของสหรัฐอเมริกา Jill Valentines สมาชิกสาวหน่วย S.T.A.R.S. ได้ทำการสืบสวนความลับบางอย่างโดยที่ไม่รู้เลยว่าภายใต้ความลับนั้นจะนำมาซึ่งหายนะแก่ชีวิตของเธอ… สถานการณ์ปัจจุบันในอเมริกานั้นถือว่าวุ่นวายอย่างมาก ประชากรในประเทศก่อโกลาหลเพราะมีโรคระบาดที่ไม่สามารถควบคุมได้จนทางรัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ในขณะเดียวกันบริษัท Umbrella ก็ได้มีการทำการทดลองอาวุธชีวะภาพโดยอ้างว่าจะเป็นการนำมาซึ่งยุคสมัยใหม่ของมนุษย์…

Chapter 1

Jill Valentine ตัวละครของเราจะตื่นขึ้นมาในห้องพักที่ห้อมล้อมไปด้วยข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับสิ่งที่ Umbrella Corps พยายามปกปิดเอาไว้ โดยเมื่อเราเข้าไปในห้องน้ำเราจะได้พบว่าตัวเองนั้นกำลังกลายร่างเป็นผีดิบซึ่งแท้จริงแล้วมันคือฝันของเรานั่นเอง

Jill: “มันแย่ลงเรื่อยๆ”

Jill พูดกับตัวเองถึงฝันร้ายที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นในช่วงหลังจนถึงขั้นต้องใช้ยาจำนวนมากมาช่วย

เราจะได้อ่าน Note ที่ตัวเราทำการสืบสวนไว้

เอกสารชิ้นแรก โน้ตทั่วไป

“26 กันยายน 1998

นี่ก็เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ต้องมาสืบเรื่องของ Umbrella ขอบคุณความคืบหน้าในการสืบสวนที่ไม่ได้เป็นไปอย่างใจหวัง บางทีการเขียนบันทึกว่าฉันเจออะไรมาบ้างอาจจะช่วยพิสูจน์ในฐานะของเจ้าหน้าที่หน่วย S.T.A.R.S. … ฉันได้แค่หวังว่ามันจะช่วยนำไปสู่ความจริง

T-Virus

พวกคนที่ติดเชื้อด้วยไวรัสตัวนี้ดูจะกลายเป็นซอมบี้จริงๆ การติดต่อสามารถเกิดได้จากหลายช่องทาง ตามที่เขียนไว้ด้านล่างนี้:

  • โดนพวกผู้ติดเชื้อกัด ทำให้ของเหลวในร่างกายเกิดการผสมกัน
  • สัมผัสกับพวกอีกาที่กินพวกผู้ติดเชื้อ
  • ติดเชื้อทางอากาศ

เอกสารชิ้นถัดไปโน้ตเกี่ยวกับ Umbrella Corps

เนื้อหาในโน้ตนี้สรุปได้ใจความสั้นๆ ว่าบริษัท Umbrella ใช้ฉากบังหน้าเป็นบริษัทผลิตยารักษาโรค แต่แท้จริงแล้วเป็นบริษัทที่โฟกัสการผลิตอาวุธทางด้านการทหารและมีการผลิตอาวุธชีวภาพอย่างลับๆ โดยบริษัท Umbrella นั้นเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ Mansion Incident โดยตรง และยังมีการจ่ายใต้โต้ะเพื่อใช้เมือง Raccoon City ในการทดลองอาวุธชีวภาพนี้อีกด้วย

เอกสารชิ้นถัดไปทั้งสองฉบับ จดหมายส่วนตัว

จดหมายนี้เป็นจดหมายที่ Jill ตั้งใจจะส่งให้เพื่อนคนสนิทนามว่า Brad Vickers สมาชิกของหน่วย S.T.A.R.S. เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญอยู่ โดยเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสะกดรอยตามจากคนๆ หนึ่ง หลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดโปงบริษัท Umbrella มากเกินไป จนถูกพักงานในตอนสุดท้าย โดย Brad ได้ส่งจดหมายผ่านคนส่งพิซซ่าเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ Jill ถูกพักงานและสิ่งที่เธอจะต้องเผชิญหลังจากนี้ หลังจากนั้นจะเป็นการเข้าห้องน้ำ ภาพเหตุการณ์เดิมจากที่เราฝันเลยครับ แต่ในครั้งนี้จะเป็นคนปกติ ไม่ได้เป็นซอมบี้แล้ว

28 กันยายน, 20:07 น. – Raccoon City

เมื่อล้างหน้าล้างตาและออกจากห้องน้ำเสร็จ ก็ได้มีสายโทรเข้ามาซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Brad เพื่อนคนสนิทของเรา

Brad: “Jill !! ธ…เธอโอเครึเปล่า !?”

Jill: “Brad ? นั่นนายเหรอ?”

Brad: “ฟังนะ เธอต้องรีบออกจากที่นั่น”

Jill: “นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?”

Brad: “ไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว รีบออกจากที่นั่น เดี๋ยวนี้!!!”

Jill: “เออๆ เดี๋ยวขอหยิบ…”

แล้วจู่ๆ Nemesis ผีดิบยักษ์สุดบ้าพลังก็ต่อยกำแพงเข้ามา พร้อมเตะเราปลิวชนกำแพง และหยิบเราขึ้นมาและพยายามไล่ต่อยแบบไม่หยุดพัก ไม่ว่าเราจะยิงเข้าไปที่หน้าสักกี่นัดก็ไม่สะทกสะท้านมันเลยแม้แต่น้อย

เราจะดิ้นและหนีออกมาจากห้องด้วยสภาพเดินกะเผลกพร้อมกับความมึนงงในใจว่า นี่มันคือตัวอะไรวะเนี่ย? การไล่ฆ่าของ Nemesis ยังไม่จบลงเพียงเท่านั้นโดยตัวเราจะหนีออกทางหน้าต่างและลงบันไดฉุกเฉินของอพาร์ทเม้นท์ เมื่อลงมาที่ชั้นล่างได้ Nemesis ก็ได้กระโดดพังพื้นลงมาหาเราพร้อมการฉุดกระชากลากถูเรา แต่เราจะสามารถคว้ามีดมาสะกัดมันได้และหนีออกมาได้ระยะหนึ่ง Nemesis จะโผล่มาอีกครั้งพร้อมโยนเรากลับเข้าไปในตึก โดยท้ายที่สุดแล้ว Jill ก็จะสามารถหนีออกมาได้อย่างฉิวเฉียด เรียกได้ว่านี่คงเป็นซีนที่ระทึกที่สุดในการเปิดเกมเลยก็ว่าได้ครับ

หลังจากหนีพ้นแล้วเราจะได้เจอกับ Brad ที่ตามมาช่วยเรา

Brad: “Jill!! ทางนี้”

Jill: “Brad”

Brad: “เธอโอเคมั้ย?”

Jill: “นั่นมันตัวอะไร?”

Brad: “ถ้ารู้ก็ดีสิ แต่ตอนนี้น่ะเหลือหน่วย S.T.A.R.S. ในเมืองนี้แค่สองคนแล้วล่ะ มองไปรอบๆ สิ รีบหนีเหอะ ยิ่งอยู่นานยิ่งฉิบหายแน่”

Jill: “มันเกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย”

Brad: “ผมไม่รู้ แต่สิ่งฉิบหายเพียงอย่างเดียวมักจะพาอย่างอื่นฉิบหายไปด้วย”

เดินตามทางมาเรื่อยๆ เราจะเห็นได้ว่าสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อประชากรส่วนใหญ่ในเมืองกลายเป็นผู้ติดเชื้อทั้งหมด

เราจะได้เห็นฝูงซอมบี้พยายามปีนรั้วข้ามมาในระหว่างการพยายามหนีจากฝูงซอมบี้ Brad จะถูกกัดจากการยืนต้านซอมบี้ที่กำลังพังประตูเข้ามาในตึก

Jill: “อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันล่ะ เราต้องหนีไปได้ด้วยกัน”

Brad: “ไม่เอาน่า เราต่างรู้ว่าเรื่องนี้มันจะจบลงยังไง”

Jill: “ไม่ ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอก !”

Brad: “เรายังเป็นทีมเดียวกันอยู่รึเปล่า?”

Jill: “ใช่สิ”

Brad: “งั้นช่วยอะไรผมอย่างสิ อย่ามาลงเอยแบบผม ไปได้แล้ว !!” *Brad จะผลักเราออกจากประตู

การรอดชีวิตของเราในครั้งนี้ทำให้เราต้องเสีย Brad เพื่อนรักของเราไป

นี่จะเป็นการใช้ปืนครั้งแรกของเราโดยหลังจากนี้จะเป็นตัวเราเพียงคนเดียว แนะนำว่าลองฝึกยิงดูและรีบหนีออกมาจะดีกว่า

ถัดมาเราจะได้รับการช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่เหนือเรา

เฮลิคอปเตอร์: “เฮ้ คุณตรงนั้นน่ะ ไปที่หลังคาของโรงจอดรถสิ”

ระหว่างทางเราจะได้เจอกับลุงแก่คนหนึ่งที่กลัวจนเสียสตินามว่า Dario Rosso โดยเราจะพยายามเกลี้ยกล่อมให้หนีไปด้วยกัน แต่ลุงปฏิเสธแถมด่าเรากลับมาว่าเราพยายามที่จะแย่งที่ซ่อนตัวของลุง หลังจากเดินมาจนถึงอาคารจอดรถเราจะต้องขึ้นลิฟท์เพื่อยังดาดฟ้า แต่นั่นไม่ง่ายเลยเพราะลิฟท์ที่เปิดออกมานั้นมีซอมบี้อยู่ในนั้น

ด้วยจำนวนกระสุนเพียงหยิบมือการเอาชนะซอมบี้สองตัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วหลังจากเอาชนะทั้งสองตัวได้เราก็จะสามารถขึ้นลิฟท์ได้ในที่สุดครับ เมื่อขึ้นมาถึงดาดฟ้าได้สำเร็จแล้วเราจะเจอกับเฮลิคอปเตอร์ที่จะมาช่วยเรา โดยเขาจะบอกให้เรารีบไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อหนีไป แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้นเมื่อ Nemesis ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง โดยเราจะหนีเข้าไปในรถยนต์และขับพุ่งเข้าชน Nemesis แบบเต็มกำลัง

Jill: “ถึงตาฉันแล้วไอ้เวร”

ในตอนแรกเหมือน Nemesis จะไม่สะทกสะท้านกับการโดนชนเลยแม้แต่น้อยเพราะมันสามารถรับแรงการชนได้แบบสบายๆ พร้อมทั้งใช้มือพุ่งทะลุกระจกมาบีบคอเรา แต่โชคยังดีที่เราจะเหยียบคันเร่งแบบเต็มกำลังเพื่อดันให้มันตกลงมาจากดาดฟ้าได้ในที่สุด ด้วยแรงกระแทกจากการตกลงมาจากตึกสูงทำให้เราบาดเจ็บอย่างหนัก ในขณะที่ Nemesis นั้นลุกขึ้นและเดินตรงมาหวังจบชีวิตเรา แต่เหมือนสวรรค์มาโปรดเมื่อมีชายปริศนาคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาพร้อมกับอาวุธครบมืออย่างปืนยิงจรวจ

???: “ทางนี้ ไอ้หน้าส้นตี_” *ยิงจรวจใส่ Nemesis ซึ่งการโจมตีในครั้งนี้เป็นผล เพราะนิ่งไปในทันที

???: “เฮ้ ไม่เป็นไรนะแม่สาว ฉันมาช่วยแล้ว”

Jill: “นายเป็นใคร นายกำลังจะทำ……”

Carlos: “ผมชื่อ Carlos ฉันกำลังช่วยเธอไง มาเถอะ พาเธอไปที่ปลอดภัยก่อนดีกว่า”

และ Carlos จะพาเราหนีไปในที่สุดครับ

Chapter 2

หลังจากที่ Carlos หิ้วปีกเรามา ในที่สุดตอนนี้เราก็อยู่ในสถานที่สำหรับผู้อพยพแล้วล่ะครับ

Carlos: “ผมว่าตอนนี้พวกเราปลอดภัยแล้วล่ะ”

Jill: “หวังว่านะ”

Carlos: “พวกเราพาผู้รอดชีวิตมาที่นี่”

Jill: “ที่นี่คือที่ไหน?”

Carlos: “คนของผมแปลงรถไฟใต้ดินบางส่วนเพื่อเป็นสถานที่อพยพ มันปลอดภัย” *จะช่วยประครอง

Jill: “ไม่เป็นไร”

Carlos: “โอเคคคคคคค พื้นที่ส่วนตัวล่ะนะ ไปกันเถอะ”

Carlos: “โห่ ให้ตายเหอะ ใครปิดประตูนี้วะเนี่ย โทษทีนะ เราต้องอ้อมแล้วล่ะ”

Jill: “เฮ้ นายรู้อะไรเกี่ยวกับปีศาจตัวเมื่อกี้บ้าง”

Carlos: “ไม่รู้อะไรเลย ผมก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน แต่มันไม่ใช่ซอมบี้ มันรู้ว่ามันต้องการอะไร และมันจะไม่เลิกจนกว่าจะได้มันมา เธอไม่ชอบมันเหรอถ้ามันเป็นผู้ชาย”

Jill: “ไม่ล่ะ ขอบคุณ นายเอาไปเถอะ”

Carlos: “ผมอยู่กับพวก U.B.C.S.” // U.B.C.S. ย่อมาจาก Umbrella Biohazard Countermeasure Service หรือเรียกง่ายๆ ว่าหน่วยปราบซอมบี้ของ Umbrella

Jill: “ล้อเล่นปะ? นี่นายล้อฉันเล่นแน่ๆ พวกนายน่ะเป็นสาเหตุที่พวกมันเกิดขึ้นมา”

Carlos: “เดี๋ยวๆ นี่เธอกำลังพูดถึงอะไร ? เรามาเพื่อช่วยประชาชนนะ มีปัญหาอะไรกับ Umbrella รึเปล่า”

Jill: “มีปัญหาอะไรกับ Umbrella รึเปล่าอย่างนั้นเหรอ พระเจ้าช่วย บริษัทของนายต้องรับผิดชอบเรื่องการติดเชื้อให้กับทุกคน !”

Carlos: “อ่า ผมไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อใจผมก็ได้ แต่ผมกำลังจะเข้าไปยังที่ลี้ภัย จะไปด้วยกันไหม?”

เราจะมาโผล่ที่รถไฟใต้ดินซึ่งเป็นทางสู่ที่ลี้ภัยของผู้รอดชีวิต โดยเราจะได้พบกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่ง Carlos เรียกเขาว่ากัปตัน

Carlos: “กัปตัน ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะใช้การช่วยเหลือของพวกเราได้นะ”

???: “Carlos, นายไม่คิดจะถามชื่อแม่สาวคนนี้เหรอ?”

???: “เธอผู้นี้น่ะ เป็นหัวกระทิของ R.P.D. ด้านกลยุทธ์พิเศษและการช่วยเหลือ ชื่อของเธอ… อะไรนะ… อะไร Valentine สักอย่างนี่แหละ”

Jill: “Jill, ชื่อฉัน Jill Valentine”

Mikhail: “ยินดีที่ได้พบ Jill, ผม Mikhail เป็นหัวหน้ากองทหาร U.B.C.S. ”

โดย Mikhail ก็จะเล่าว่าทีมของผมถูกส่งมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนแต่เนื่องจากเมืองนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก รถไฟจึงไม่สามารถใช้งานได้

Mikhail: “ประชากรเป็นร้อยจะลงเอยด้วยความตาย ไม่สิถ้าพูดให้ถูก ฆ่าไม่ตาย กองทหารของเราได้สูญเสียไปมากแล้ว การทำให้พวกเขาอยู่รอดเป็นสิ่งที่มากเกินกว่าผมจะจัดการได้”

โดย Mikhail จะขอให้เราช่วยทำให้รถไฟสามารถกลับมาวิ่งได้ ซึ่งตัวเราก็ดูจะไม่ค่อยเต็มใจมากนัก แต่ก็ยอมตกลงไปในที่สุด

//ดูเหมือนว่า Mikhail จะรู้จักเราเป็นอย่างดีและอยากได้การช่วยเหลือจากเราโดยเฉพาะเลยล่ะครับเพราะดูจากข้อมูลที่เขามีก็ถือว่าเขารู้จักเราในระดับหนึ่งเลย

เมื่อเราตกลงที่จะร่วมมือกับทีม U.B.C.S. แล้ว Carlos ก็จะยื่นวิทยุให้กับเราพร้อมทั้งบอกให้เราไปหยิบอาวุธ เครื่องไม้เครื่องมือ ซึ่งอยู่ที่ชั้นพื้นดิน

ก่อนที่เราจะขึ้นไปด้านบน แวะอ่านโน้ตบริเวณที่นั่งข้างชานชาลาสักนิด โดยเนื้อหาของโน้ตนี้คือการสอนเราคราฟกระสุนนั่นเอง

การคราฟกระสุน

กระสุนปืนพก = ผสม Gunpower 2 อัน

กระสุนปืนลูกซอง = ผสม Gunpower + High-Grade Gunpowder

กระสุน Magnum = ผสม High-Grade Gunpowder 2 อัน

โดยระหว่างทางที่เรากำลังขึ้นไปหยิบอาวุธ Carlos จะติดต่อเราผ่านวิทยุ และขอให้เราเปิดระบบขนส่งรถไฟใต้ดินอีกครั้ง โดนอันดับแรกเราจะต้องไปฟื้นฟูพลังงานของรถไฟใต้ดินกลับมาเสียก่อน ซึ่งเขาจะบอกทางให้เราอีกครั้งเมื่อเราขึ้นไปข้างบน

อย่าลืมเก็บสมุนไพรเขียวแดง ดินปืน และไอเทมรอบๆ รวมไปถึงอ่านคู่มือการคราฟสมุนไพรให้พร้อมก่อนออกเดินทาง เพราะนี่จะเป็นหนทางที่ลำบากเลยทีเดียว

การคราฟสมุนไพร

ยาเพิ่มเลือดสูง = ผสมสมุนไพรเขียว 2 อัน

ยาเพิ่มเลือดจนเต็ม = ผสมสมุนไพรเขียว 1 อัน + สมุนไพรแดง 1 อัน หรือ ผสมสมุนไพรเขียว 3 อัน

เมื่อเราออกมานอกอาคารแล้วเราจะได้เจอกับความโกลาหลที่ประชาชนกำลังวิ่งหนีซอมบี้อยู่ซึ่งนั่นทำให้เราต้องรีบเร่งมือแล้วล่ะครับ

เมื่อเดินไปได้สักระยะ Carlos จะบอกกับเราว่าเป้าหมายปลายทางของเราในตอนนี้คือหอส่งสัญญาณ โดยเราจะพบกับฝูงซอมบี้ที่พังรั้วเหมือนในตอนแรกเลยครับ การจะไปที่หอส่งสัญญาณได้เราจะต้องดับไฟที่ขวางทางเราอยู่ทางด้านขวามือเสียก่อนโดยจะต้องใช้ไอเทมสายยางดับเพลิง ‘Fire Hose’ ซึ่งหน้าที่ของเราในตอนนี้ก็คือการไปหาเจ้าสายยางนี่แหละครับ ระหว่างทางในการทำภารกิจผมขอแนะนำว่าเลี่ยงการปะทะให้ได้มากที่สุดเพราะด้วยกระสุนที่มีจำกัดและต้องใช้กระสุนมากกว่า 3-4 นัดในการฆ่าซอมบี้ 1 ตัว หรือหากจำเป็นต้องปะทะให้ลองมองหาถังน้ำมันแล้วลากซอมบี้เป็นกลุ่มไปเพื่อระเบิดทั้งกลุ่มในทีเดียวจะช่วยประหยัดกระสุนได้มากเลยทีเดียว เมื่อเดินทางมาถึงร้านโดนัทแห่งหนึ่งแล้วให้เข้าไปในห้องครัวเพื่อเก็บไอเทม Fancy Box และเมื่อทำการเก็บกล่องหรรษานี้แล้วให้ทำการสำรวจกล่องจากนั้นเปิดกล่องและเราจะได้รับอัญมณีสีแดงไว้ใช้ในภายหลังครับ

ออกจากประตูหลังร้านโดนัทมาทางด้านขวามือเราจะมาถึงออฟฟิศสถานีรถไฟแล้วครับซึ่งในอาคารนี้เราจะได้ไอเทมที่เราตามหานั่นก็คือ Fire Hose หลังจากนั้นในห้องภายในอาคารเราจะได้พบกับโน้ตที่เหล่าพนักงานทิ้งเอาไว้โดยมีข้อความว่า

“ความรุนแรงมันกำลังแย่ลงเรื่อยๆ เมื่อเวลามาถึงคงต้องใช้ปืนลูกซองที่ถูกล็อคเก็บไว้อยู่ในตู้ เพื่อป้องกันจากพวกขาจรที่มาขโมยในวันที่ฉันออกไปข้างนอกนั่น

หากจำเป็นต้องไปทางใต้ ตัดโซ่และระเบิดหัวพวกระยำซะ ฉันหวังว่าทุกคนจะรอดนะ”

ถัดมาในอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นออฟฟิศของขนส่งรถไฟใต้ดิน เราจะเจอคู่มือของตัวละระบบรถไฟใต้ดิน ซึ่งได้เขียนเอาไว้ว่า

“หากเกิดไฟดับ ระบบปฏิบัติการในรถไฟใต้ดินจะถูกหยุดทันที เมื่อไฟมาแล้ว ให้ใช้แผงควบคุมเพื่อยืนยันสถานีที่ต้องการจะหยัด รวมไปถึงรางที่ต้องการจะเปิดใช้งานด้วย หากเส้นทางดูไม่ปลอดภัย ปฏิบัติการจะไม่ดำเนินการต่อ”

เมื่ออ่านคู่มือเสร็จแล้ว ให้กลับออกมาทางด้านประตูด้านหน้าของอาคารเหมือนเดิม เลี้ยวซ้ายและเดินต่อไปตามทางเพื่อไปยังร้านขายยาต่อได้เลยครับ

ภายในโกงดังของร้านขายยาเราจะเจอกับตู้เซฟ 1 ตู้ ที่มีสมุดโน้ตของเจ้าของร้านวางอยู่ โดยมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า

“24 สิงหาคม

Hair Tonic ตัวใหม่จาก Umbrella นี่มันขายดีมากจริงๆ สินค้าที่พวกเขาทำนี่มันใช้ได้เสมอเลย ไม่แปลกใจจริงๆ ฉันคิดไว้แล้วล่ะว่ามันต้องขายดีอย่างเทน้ำเทท่าแน่นอน

2 กันยายน

ตู้เซฟใหม่นี่มันดีมาก ไม่มีใครรู้รหัสเลย ไม่แม้แต่ภรรยาของฉัน

มันคือความลับระหว่างฉันและราชินี Aqua Cure คนสวย และเธอไม่เคยให้คำตอบกับพวกโจรหรอก !!”

ซึ่งรหัสตู้เซฟนี้สามารถหาได้จากคำใบ้บน Poster Aqua Cure ที่อยู่ในร้านขายยานั่นเอง หรือหากใครขี้เกียจเดินย้อนไปมารหัสของตู้เซฟก็คือ

รหัส: หมุนทวนเข็มไปเลข 9 > หมุนตามเข็มกลับไปเลข 3 >หมุนทวนเข็มกลับมาเลข 7

เพียงเท่านี้เพื่อนๆ ก็สามารถรับ Red Dot เอาไปติดปืนพกกันได้เลย!

จากนั้นให้กลับออกมาทางประตูด้านหลังเดินตามทางมาเรื่อยๆ แล้วเราจะกลับมายังจุดเริ่มแรกอีกครั้งครับซึ่งในตอนนี้เราก็มีสายยางพร้อมจะไปดับไฟทางด้านขวามือแล้วครับ

เมื่อดับไฟเสร็จแล้วเราจะได้พบกับทางเข้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ช่างพยายามเก็บไอเทมที่จำเป็นให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ Bolt Cutters หรือคีมตัดโซ่ ที่แขวนอยู่ในตู้

เราจะได้ยินเสียงดังอยู่ในห้องประหนึ่งว่ามีคนอาศัยอยู่ในนี้ให้ใช้คีมตัดโซ่ที่ล่ามอยู่ที่ประตูสีแดง

ภายในห้องเราจะเจอกับพลทหารจากหน่วย U.B.C.S. ที่ได้กำลังบาดเจ็บอยู่ Jill จะพยายามวิ่งเข้าไปรักษาเขา โดยเขาจะบอกว่าให้รีบลงมือหน่อย อย่ามัวแต่มอง เขาไม่ได้ติดเชื้อ แต่ทันใดนั้น Nikolai จะโผล่มาพร้อมควักปืนมายิงหัว

Jill: “เห้ยอะไรวะ !?”

Nikolai: “ก็เขาติดเชื้อแล้ว”

Jill: “เขาแค่อาจจะติดเชื้อ !”

Nikolai: “พวกคนของ S.T.A.R.S. อ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมคนของพวกเธอถึงตายกันเยอะขนาดนั้น”

Jill: “แล้วนายล่ะเป็นตัวอะไร? U.B.C.S. ฆ่าพรรคพวกของตัวเองอย่างงั้น เหรอ”

Nikolai: “เขากำลังจะกลายร่าง เซนส์ในการปกป้องตัวเองของเธอไปไหนแล้ว? กลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเถอะ เราไม่ต้องการพวกใจเสาะอย่างเธอเข้ามาเกะกะ”

ก่อนจะไปลุยกันต่อ ผมขอแนะนำให้เพื่อนๆ วิ่งกลับไปยังสถานีรถไฟที่เราเจอกับสายยางดับเพลิง เพื่อนำคีมตัดโซ่มาปลดล็อคปืนลูกซองครับ

 

Chapter 3

ทางด้านหลังของอาคารเราจะพบลูกเล่นใหม่อย่างการยิงไปยังจุดที่มีไฟฟ้ารั่ว ซึ่งจะทำให้เกิดระเบิดไฟฟ้าได้ บอกเลยว่าแรงพอๆ กับถังน้ำมันเลยล่ะครับ

เดินตามทางมาสักระยะเราจะมาถึงโรงไฟฟ้าแล้วล่ะครับ ซึ่งในนี้จะมีซอมบี้อยู่สองสามตัว จัดการให้เรียบร้อยแล้วให้มายังบริเวณด้านหลังอาคาร เราจะเจอกับทางเดินยาว โดยให้เราเก็บไอเทม Case ที่ศพถืออยู่

ทำการสำรวจไอเทม และเปิดออก เพื่อรับ Lock Pick ที่อยู่ด้านใน เพื่อนำมาเปิดประตูที่ล็อคอยู่ครับ

หลังจากเราเปิดประตูได้สำเร็จ เราจะได้เจอกับแมงมุมผี ลอบเข้ามาหาเราจากด้านบน และทำการฝังตัวอ่อนไว้ในร่างกายเรา สิ่งที่เราต้องทำคือให้กินสมุนไพรเพื่อรักษาอาการของปรสิตและรีบไปเปิดตัวจ่ายไฟฟ้าให้ครบ 4 เครื่องให้เร็วที่สุดครับ

แนะนำเทคนิคเพิ่มเติมเวลาต้องสู้กับแมงมุมคือ ให้เอาไฟฉายไปจ่อมันครับ พวกมันดูจะไม่ค่อยชอบแสงสีเท่าไหร่ แต่ด้วยจำนวนที่เยอะมาก ดังนั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆครับ

เมื่อเปิดเครื่องครบทั้ง 4 แล้วแนะนำว่าเผ่นออกมาให้เร็ว เลี่ยงการปะทะจะดีที่สุดครับ

ให้ทำการเปิดใช้งานระบบไฟฟ้าของเมืองอีกครั้ง แล้วแมงมุมยักษ์ตัวแม่ก็จะถูกไฟช็อตตายไปในที่สุดครับ

หลังจากนั้นเราจะโทรหา Carlos แล้วอัพเดทสถานการณ์ให้ฟัง

Jill: “Carlos, นี่ Jill ฉันได้ทำการฟื้นฟูพลังงานให้กับรถไฟใต้ดินแล้ว”

Carlos: “เยี่ยมไปเลย! ต่อไปก็การควบคุมจราจรแล้วล่ะ มันควรจะอยู่ที่ออฟฟิศของบริษัทรถไฟใต้ดินนะ”

Jill: “ได้ ฉันว่าฉันรู้นะว่าตึกไหน”

Carlos: “จริงเหรอ? อีกนิดเดียวเท่านั้นแหละคู่หู !”

Jill: “ไม่ใช่คู่หูนาย”

แน่นอนครับว่าที่หมายต่อไปก็คือการกลับไปยังออฟฟิศของสถานีรถไฟที่เราเคยไปมาในก้อนหน้านี้นั่นเอง โดยหากใครยังไม่ได้เดินกลับไปเก็บปืนลูกซองก็สามารถไปเก็บได้ในรอบนี้เลยครับ

แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไปครับ เพราะในระหว่างทาง Nemesis จะโผล่มาอีกครั้ง เทคนิคการหนี Nemesis นั้นค่อนข้างทำได้หลายวิธี ส่วนตัวผมแนะนำให้ปาระเบิดลงไปยังบริเวณที่มันยืนอยู่ เพื่อสตั้น และรีบหนีออกมาครับ

เมื่อหนีมาได้จนถึงบริเวณโรงจอดรถที่ทหารของ U.B.C.S. โดนยิง Jill จะโทรหา Carlos เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

Jill: “Carlos, ไอ้ตัวนั้นมันยังไม่ตาย ! มันไล่ฉันอยู่!”

Carlos: “ห้ะ? วิ่ง! กลับมาที่สถานีเร็ว!”

Jill: “ไม่จนกว่าฉันจะทำให้ระบบการจราจรกลับมาเปิดได้”

Nemesis จะยังไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ ทันทีที่เราออกมาจากอาคารเราก็จะโดนไล่บี้อีกครั้ง

เนื่องจากระเบิดของเราอาจจะหมดแล้วในตอนนี้ ดังนั้นสิ่งที่เราทำได้คือต้องคอยกะจังหวะหลบหมัดของเจ้ายักษ์นี่ดีๆ แล้วล่ะครับ

ทันทีที่เราถึงออฟฟิศของบริษัทรถไฟใต้ดิน Nemesis ก็จะเลิกตามเราเข้ามาครับ โดยสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือพลอทเส้นทางการวิ่งของรถไฟครับ

Carlos จะบอกกับเราว่าตอนนี้รถไฟจอดอยู่ที่สถานที Redstone Street ซึ่งเราจะต้องวางโปรแกรมการวิ่งของรถไฟไปยังสถานีเป้าหมาย นั่นคือ Fox Park นั่นเองครับ

โดยเราจะต้องดูกระดานว่าเส้นทางที่ไปยังแต่ละสถานีนั้นมีตัวย่อและเลขอะไร ซึ่งเราต้องเลี่ยงเส้นทางที่เป็นสีแดงครับ ไม่ได้ยากมากเท่าไหร่ครับ

แต่หากขี้เกียจคิดเองเราก็มีเฉลยให้ครับ

คำตอบ: RE01-FA02-RA03-SA02-FO01

เมื่อเราออกมาจากห้องควบคุมเส้นทางเราจะได้เจอกับซอมบี้กลายพันธุ์ โดยซอมบี้เหล่านี้เกิดจากการที่ Nemesis ยัดปรสิตเข้าไปยังสมองของพวกเขานั่นเองครับ

ส่วนวิธีการสู้นั้นไม่ได้ยากมาก แต่อาศัยความแม่นพอสมควรเพราะเราต้องเล็งไปที่ลูกตาของหัวซอมบี้ พร้อมทั้งรักษาระยะห่างให้พอดีครับ

หลังจากเปิดเส้นทางเรียบร้อยแล้วให้เรากลับไปยังศูนย์อพยพของ Carlos เพื่อหนีจากเมืองนี้ครับ โดยระหว่างทางก็จะมี Nemesis มาคอยขัดขวางอยู่เช่นเคย เตรียมสมุนไพรกันไว้ดีๆ ล่ะครับ

ระหว่างทางแนะนำให้ใช้ Pick Lock เปิดร้านของเล่นเพื่อเก็บ Fancy Box และเปิดมันเพื่อรับอัญมณีสีเขียวด้วยครับ

เมื่อหนีกลับมายังฐานทัพของเราได้แล้วให้ทำการใช้อัญมณีที่เราเก็บมาที่เครื่องที่มีนาฬิกาอยู่เพื่อรับไอเทมต่างๆ

หลังจากนั้นเมื่อลงมาชั้นล่างเราจะได้เจอกับ Carlos ที่เข้ามาทักทายเรา

Carlos: “ทำงานได้ดีมาก สุดยอดตำรวจ ผมล่ะประทับใจจริงๆ”

Jill: “สามารถใช้งานได้รึยัง”

Carlos: “ใช่.. ส่วนใหญ่ล่ะนะ แต่เราต้องการเวลา 30-40 นาทีเพื่อซ่อมบำรุงให้เสร็จ”

ทันใดนั้นก็จะมีทหาร U.B.C.S. เปิดประตูเข้ามา

Carlos: “Nikolai! เป็นยังไงบ้าง?“

Nikolai: “เมืองเต็มไปด้วยพวกประหลาดนั้น ไม่มีทางฝ่าออกไปได้เลย”

Nikolai: “ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ !?” *ชี้มาที่ Jill

Carlos: “เธอช่วยให้รถไฟกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง”

Nikolai: “ไม่ใช่ช่วงเวลาทีดีในการแบกตัวถ่วงเลยนะ สหาย เธอน่ะเชื่อถือไม่ได้ ลั่นไกในยามจำเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ”

Carlos: “ใจเย็นน่าพวก”

Nikolai: “เธอจะทำให้นายต้องตาย”

Carlos: “โทษทีนะ ทุกคนกำลังเครียดน่ะ”

ทันใดนั้น Nemesis จะพังประตูด้านหน้าเข้ามา โดย Jill เลือกที่จะถ่วงเวลาให้เหล่าพลทหารซ่อมรถไฟได้ทัน

Chapter 4

เทคนิคการหลบหนีในครั้งนี้จะไม่เหมือนกับครั้งก่อน โดยในครั้งนี้เราจะเน้นไปที่การยิงถังน้ำมัน เพื่อให้ Nemesis ชะงักและมุดผ่านช่องแอร์โผล่ยังทางระบายน้ำใต้ดิน

ซึ่งต้องบอกเลยว่าในทางระบายน้ำใต้ดินนี้ สัญญาณวิทยุจะไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งเราจะต้องหาทางกลับขึ้นไปข้างบน โดยระหว่างทางอันมืดมนนี้เราจะเจอกับปีศาจรูปแบบใหม่ Hunter γ เรียกว่าคางคงกลายพันธุ์ก็น่าจะได้

วิธีการต่อสู้กับเจ้าอ้วนนี่คือการยิงอัดเข้าไปในปากของมันครับ หากอยากปิดการต่อสู้แบบเร็วๆ ปาระเบิดยัดเข้าไปเลยก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ

การกลับขึ้นไปยังชั้นพื้นดินจะต้องใช้แบตเตอรี่เพื่อเปิดการทำงานของประตูไฟฟ้า ซึ่งแบตเตอรี่จะอยู่ภายในห้องที่อยู่ลึกเข้าไปในทางเดินน้ำนี้นั่นเองครับ

โดยภายในทางเดินน้ำนี้เราจะยังได้รับปืน Grenade Launcher หรือปืนยิงระเบิดอีกด้วยครับ ความเสียหายจากปืนนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของกระสุนที่เราใช้ ดังนั้นหากเลือกเป้าหมายอย่างเหมาะสม เช่น ใช้กระสุนไฟใส่เจ้าคางคกยักษ์ ก็จะช่วยทุ่นแรงเราไปได้มากเลยครับ

การคราฟกระสุนสำหรับ Grenade Launcher

กระสุนระเบิด: ผสม Explosive A 2 อัน

กระสุนไฟ: ผสม Explosive A + Explosive B

กระสุนกรด: ผสม Explosive B 2 อัน

เมื่อเราหนีขึ้นมายังชั้นพื้นดินได้แล้ว เราจะสามารถติดต่อกับ Carlos ได้ในที่สุด

Jill: “Carlos, นายได้ยินฉันรึยัง”

Carlos: “Jill !! โอ้ขอบคุณพระเจ้า! ทุกอย่างปกติดีไหม?”

Jill: “ก็ดี ฉันรอดมาได้ ฉันสลัดมันได้”

Carlos: “เยี่ยม! พวกเราพร้อมจะไปแล้วล่ะ พวกเราจะรอเธอนะ”

เมื่อเราปีนออกมาจากช่องระบบทางเดินน้ำใต้ดินได้ เราจะพบว่า Nemesis ได้ดักรอเราอยู่ โดยในครั้งนี้มันยังมาพร้อมกับปืนไฟอีกด้วย !? แค่หมัดธรรมดายังโหดไม่พอเหรอ !!

และแน่นอนว่านี่ก็เป็นอีกครั้งที่ตัวเอกเราสามารถหนีออกมาได้ โดยเราจะหนีเข้ามาในอาคารก่อสร้างข้างๆ แต่เจ้า Nemesis ก็ยังไม่เลิกรา ไล่บี้ตามมาติดๆ

หลังจากหนีมาเรื่อยๆ จนถึงดาดฟ้าแล้ว Nemesis ก็ยังกัดไม่ปล่อยโดยในครั้งนี้เราจะต้องสู้กับมันพร้อมอาวุธของมันอย่างปืนไฟด้วย

Nemesis ในครั้งนี้ส่วนตัวผมคิดว่ามันง่ายกว่าครั้งก่อนๆ เพราะการเคลื่อนไหวที่ช้าลงและการโจมตีเป็นระยะไกล ทำให้เรายังพอมีเวลาตัดสินใจอยู่บ้าง

เทคนิคการสู้กับเจ้ายักษ์นี่คือการล่อให้มันมาอยู่แถวถังน้ำมัน และยิงให้ระเบิด โดยจุดยิงหลักที่เราต้องสนใจคือบริเวณถังแก๊สที่มันแบกไปมานั่นเองครับ ค่อยๆ ใช้ปืนพกสะกิดถังมันไปเรื่อยๆ ก็จะชนะได้ไม่ยาก

เมื่อเราเอาชนะ Nemesis ได้แล้ว เราจะตกลงมายังชั้นล่างในสภาพปางตาย โดยเราจะโทรหา Carlos เพื่อรายงานว่าเราได้ฆ่า Nemesis ลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในระหว่างทางการไปสถานีรถไฟใต้ดิน ในร้านขายปืนเราจะได้พบกับ Kendo ที่กำลังคอยปกป้องลูกสาวเขาอยู่ โดยเราจะบอกกับเขาว่าพวกผู้รอดชีวิตจะใช้รถไฟใต้ดินในการหนีออกจากเมืองและชวนเขาให้ไปด้วยกัน

Jill: “นี่ฟังนะ พวกเรากำลังจะใช้รถไฟใต้ดินเพื่อเอาคนออกจากเมือง นายจะไปด้วยไหม?”

Kendo: “รถไฟใต้ดิน… เยี่ยมเลย เป็นความคิดที่ดีนะ” *สีหน้ากังวลบางอย่างพร้อมมองไปที่ประตูหลังร้านขายปืน

Jill: “เมื่อเราออกจากที่นี่ได้แล้ว มีสิ่งที่ต้องทำมากมายเลย พวกเราสามารถใช้คนที่มีความสามารถแบบนายได้แน่”

ขอแทรกเนื้อเรื่องเอาใจสายเนื้อเรื่องกันสักนิดนึงนะครับ

เหตุการณ์ที่ Kendo ดูเหมือนจะพยายามปกป้องอะไรบางอย่าง ผมจะขอไล่ Timeline ดังนี้นะครับ

วันที่ 28 กันยายน 1998 [เหตุการณ์เกิดขึ้นใน RE3 Remake]

Kendo ได้พบ Jill Valentine กำลังดูแลลูกสาวของเขาที่กำลังไออยู่ในเสียง Background นั่นเองครับ โดยหลังจากที่ Kendo ปฏิเสธการชักชวน Jill ก็ได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่าทำอะไรโง่ๆ ล่ะ”

วันที่ 29 กันยายน 1998 [เหตุการณ์เกิดขึ้นใน RE2 Remake]

Leon และ Ada ได้พบกับ Kendo ที่เขากำลังปกป้องลูกสาวเขาอยู่เหมือนเมื่อวาน แต่ในวันนี้สภาพจิตใจของเขาไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่เพราะอาการของลูกสาวของเขาหนักขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก เมื่อ Leon และ Ada เห็นอย่างนั้นจึงขึ้นลำกล้องหวังปลิดชีวิตลูกสาวตัวน้อยในทันที แต่ Kendo ไม่ยอมให้ทั้งสองทำแบบนั้น และอุ้มลูกสาวกลับเข้าไปยังห้องพักของตน แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ได้มีเสียงปืนดังขึ้นทิ้งไว้ให้แฟนๆ คิดต่อกันเอาเองว่าเขายิงลูกสาวตัวเองหรือยิงตัวเองกันแน่

ซึ่งบอกเลยว่าซีนนี้เป็นซีนที่บีบหัวใจสุดๆ เลยครับ เพราะเราจะต้องเห็นความรักที่พ่อมีต่อลูกในขณะที่ลูกกำลังกลายร่าง

เมื่อสิ้นสุดบทสนทนา Kendo จะมอบกุญแจสำหรับปลดล็อคประตูลูกกรงที่อยู่ซอยข้างๆ ซึ่งจะเป็นทางผ่านไปยังถนนอีกฝั่งนั่นเองครับ

หลังจากที่เรามาถึงถนนฝั่งตรงข้ามเราจะเจอ Nemesis ที่ในครั้งนี้มาพร้อมกับอาวุธใหม่อย่างปืนยิงจรวจ !!

วิธีการหลบจรวจนั้นค่อนข้างง่ายกว่าหลบการโจมตีทั่วไป คือให้เรากดพุ่งตัวเมื่อเลเซเอร์เป็นสีแดง เพียงเท่านี้ก็จะหลบได้แล้วล่ะครับ

ระหว่างการหนีตายจากผีดิบยักษ์ Carlos ก็จะโทรมาหาเรา

Carlos: “Jill เธอโอเครึเปล่า”

Jill: “Carlos, ไอ้ปีศาจนั่นมันไล่บี้ฉันอีกแล้ว”

Carlos: “ถามจริง? ไหนบอกว่าฆ่ามันไปแล้วไง”

Jill: “เออ ฉันก็ด้วย”

เราจะถูกแรงระเบิดจากจรวจทำให้เรากระเด็นออกมา และ Carlos จะโทรมาบอกกับเราว่า รู้วิธีหยุดเจ้ายักษ์นี่แล้ว ให้รีบกลับมาที่สถานี

ระหว่างทางกลับไปยังสถานี เราจะเจอกับ Carlos ที่วิ่งมารับเรา โดยเขาได้วางกับระเบิดเอาไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อหยุดการไล่ต้อนของ Nemesis

หลังจากหนีเข้ามายังทางเข้าสถานีได้แล้ว ความสัมพันธ์ของเรากับ Carlos ดูเหมือนจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นและ Carlos จะบอกกกับเราว่าเขาจะไม่ได้ไปกับเราด้วยเพราะได้รับคำสั่งใหม่จากหัวหน้าของเขา

Jill: “นี่ไม่ใช่รถไฟขบวนสุดท้ายใช่ไหม?”

Mikhail: “ไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อประชาชนปลอดภัยแล้วรถไฟจะกลับมา”

Carlos: “ไม่เป็นไรหรอก ไปก่อนเลย ผมจะไม่ตายแล้วปล่อยให้คุณต้องอยู่ในโลกอันโหดร้ายที่ไม่มี Carlos หรอก”

Jill: “ได้”

Mikhail: “พวกแกจะต้องไปตามหานักวิทยาศาสตร์คนนี้ วัคซีนของเขาจะช่วยพวกเราทั้งหมด” *พูดกับ Carlos และทหารอีกนาย

Nikolai: “เห็นไหม เธอเรียนรู้แล้ว ชีวิตเดียวที่สำคัญคือชีวิตของตัวเอง” *พูดกับ Jill

Mikhail: “โชคดี ไปกันเถอะ”

29 กันยายน, 02:11 น. – ในรถไฟใต้ดิน

Nikolai: “แกคงไม่คิดจริงๆ หรอกใช่มั้ยว่าคนที่ทำงานกับกระดาษอย่าง Bard จะยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ยล่ะ?”

Mikhail: “ทำไมล่ะ? นายกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมทีมหรือะไรอย่างอื่นรึเปล่า? มันน่าตลกนะ ในการที่พวกซอมบี้ไร้สมองสามารถถล่มกองทัพได้แบบนั้น ไหนจะประตูทางเข้าออกเมืองนายว่ามั้ยล่ะ”

Nikolai: *ยิ้มมุมปาก

ทันใดนั้นก็เกิดระเบิดขึ้นบนรถไฟ พร้อมกับการปรากฏตัวของ Nemesis

Jill: “ไอ้สาระยำนี่มันยังไม่ตายได้ยังไง!!!” *Jill จะพุ่งใส่ Nemesis

Mikhail: “Jill อย่า, พวกนั้นตายไปแล้ว, หนีกันเถอะ” // “พวกนั้น” หมายถึงพวกผู้รอดชีวิตบนรถไฟครับ

แต่เราจะเห็นว่า Nikolai ล็อคประตูระหว่างโบกี้เอาไว้

Jill: “Nikolai นายกำลังจะทำอะไร”

Nikolai: “มันไม่ได้ไล่ฉัน ฮ่าๆ”

หันกลับมาเราจะเจอกับ Mikhail ที่เสียสละชีวิตตัวเองกดระเบิดเวลา ใส่ Nemesis และสลัดโบกี้ตัวเองออกจากขบวน

Chapter 5

ภาพจะตัดกลับมาในเมือง Raccoon City โดยเป็นฉากบทสนทนาของ Carlos และทหารอีกนาย Tyrell Patrick ซึ่งใน Chapter นี้เราจะได้เล่นเป็น Carlos ครับ ภารกิจของเราในเมือง Racoon City คือการหานักวิทยาศาสตร์ชื่อ Nathaniel Bard ผู้ที่ผลิตวัคซีนรักษาเชื้อไวรัสนี้ได้

Carlos: “นี่มันก็สักพักแล้ว ตอนนี้รถไฟน่าจะไปจากเมืองเรียบร้อยแล้ว พวกนั้นคงปลอดภัยแล้วล่ะ”

Tyrell: “รวมไปถึงคู่เดทสุดฮอทของนายด้วยไหม”

Carlos: “เธอไม่ใช่แบบนั้น เธอไม่เหมือนคนอื่น”

Tyrell: “เอาล่ะ ตั้งสติให้ดีล่ะพ่อพระเอก ที่นี่คือสถานีตำรวจ”

Carlos: “แน่ใจเหรอ สำหรับฉันนี่มันป่าช้าชัดๆ”

ในระหว่างการสำรวจพื้นที่ เราจะยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

???: “Brad! หยุด ไม่เอาน่า นายก็ด้วยเหรอ” *ยิงสะกัด

???: “ขอโทษนะ” *กำลังจะยิงไปที่หัว

ซอมบี้: “ขอ……โทษ”

โดยเราจะได้เห็นในซีนนี้ว่าซอมบี้สามารถพูดได้ด้วย ซึ่งทำเอาชายผิวสีคนนี้ชะงักไปด้วยเช่นกัน เพราะมันดูเหมือนว่าเพื่อนของเขาจะสามารถพูดได้อยู่ จนทำให้เขาต้องเสียท่าโดนกัดไปเต็มๆ และเขาจะหนีเข้าไปในสถานีตำรวจ

ซึ่งหลังจากเราปราบซอมบี้ตัวนี้ได้ เราก็จะเห็นป้ายชื่อของเขา “Brad Vickers” ใช่แล้วล่ะครับ เขาคือเพื่อนรักของ Jill ที่เสียสละตัวเองเมื่อต้นเรื่องให้เธอสามารถอยู่รอดมาได้นั่นเอง ท้ายที่สุดแล้วเขากลายเป็นซอมบี้จนได้

เมื่อเข้ามาในสถานีตำรวจแล้ว เราจะได้ข้อมูลจาก Tyrell ทำนองว่าเขาไม่สนใจว่าตำรวจคนเมื่อกี้ไปไหน เขาสนใจแค่ภารกิจ ตราบใดที่ระบบยังออนไลน์อยู่ และได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าว่า Bard เป้าหมายของเราน่าจะยังอยู่ใน Office ของ S.T.A.R.S. ที่อยู่ในสถานีตำรวจแห่งนี้นั่นเอง

นอกเหนือจากนี้ Tyrell จะยังบอกกับเราอีกว่านี่ไม่ใช่ภารกิจช่วยเหลือแต่เป็นภารกิจตามล่า เพราะ Bard สามารถเข้าถึงข้อมูลลับของ Umbrella ได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นภารกิจที่ส่งมาเพื่อกำจัดเขา ส่วน Tyrell จะคอยดูเราผ่านคอมพิวเตอร์ที่อยู่บริเวณโถงกลาง

หลังจากนั้นรั้วเหล็กจะเปิดออกและเจอกับโน้ตหนึ่งที่มีข้อความโดยสรุปว่า ID card สามารถใช้เปิดกล่องได้ทุกกล่อง ซึ่งแน่นอนว่าเราก็มีของ Brad Vickers แล้วนั่นเองครับ

เมื่อเราทำการเปิดประตูไม้ที่อยู่ในห้อง เราจะได้เห็นตำรวจสองนายกำลังสู้กับซอมบี้อยู่ จะเห็นได้ว่าคนทั้งหมดในกรมนั้นติดเชื้อกันไปหมดแล้ว

Carlos: “T, ดูเหมือนว่าจะมีอะไรน่าขยะแขยงในนี้ว่ะ”

Tyrell: “น่าขยะแขยงเหรอ? งั้นแปป เดี๋ยวดูในกล่องวงจรปิดให้ ระวังหลังไว้ล่ะ”

เมื่อปลดล็อคกลอนประตูห้องในกรมตำรวจเราจะเจอกับซอมบี้จำนวนหนึ่ง แนะนำว่าให้ค่อยๆ ล่อเข้ามายิงทีละตัวจะง่ายที่สุดครับ

ในห้องปฏิบัติการเราจะเจอกับกล่องสมบัติอยู่ให้ใช้คีย์การ์ดปลดล็อคซึ่งเราจะได้รับลำกล้องมาติดปืนกลของเรานั่นเอง ภายในห้องนั้นจะมีบันทึกเกี่ยวกับการจับกุมเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1998 โดยมีเนื้อความว่า

“ชื่อ: Rodney Gray

หน้าที่การงาน: ตกงาน เคยเป็นช่างไฟฟ้า

ข้อหา: สร้างระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐ

เนื้อหาโดยสรุป: ผู้ต้องหาถูกจับกุมฐานผลิตระเบิดเวลาขนาดเล็ก ซึ่งเมื่อทำการค้นที่บ้านดูแล้วก็พบระเบิดอีกจำนวนมาก โดยระหว่างการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า “ผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ผมทำเพื่อทุกคน! ทำไมไม่มีใครเข้าใจเลย? พวกศพมันจู่โจมจากเงามืด!” ”

ดูเหมือนว่าการแพร่ระบาดของเชื้อในเมือง Raccoon City จะมีมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนเหตุการณ์ปัจจุบันแล้วล่ะครับ ซึ่งเราจะรู้ข้อมูลอีกว่าระเบิดที่ยึดมานั้นถูกแยกแบตเตอรี่ออกมาเก็บไว้ในห้องนิรภัย แต่ห้องดังกล่าวนั้นถูกล็อคอยู่และเราต้องหากุญแจมาเปิด

ภายในห้องเล็กๆ เราจะเจอกับตู้เซฟ ซึ่งรหัสของมันสามารถหาได้จากห้องมืดใต้บันไดที่ชั้น 1F โดยจะมีโน้ตถูกทิ้งไว้บนโต้ะ ซึ่งเผยถึงรหัสของตู้เซฟ

หากใครขี้เกียจเดินก็หมุนได้ตามนี้เลยครับ

รหัส: ทวนเข็มมาที่เลข 9 > ตามเข็มไปที่เลข 15 > ทวนเข็มกลับมาเลข 7

เมื่อเปิดตู้เซฟออกมาเราจะได้ กระเป๋าคาดเอว ซึ่งช่วยเพิ่มช่องเก็บของถึง 2 ช่องเลยครับ

หากเราขึ้นบันไดชั้น 2F เราจะได้รับสายจาก Tyrell บอกว่าออฟฟิศของ S.T.A.R.S. นั้นอยู่ด้านบนให้ขึ้นไปได้เลย

แต่หากเราแวะเข้ามาในห้องอาบน้ำชั้น 2F เราจะได้เจอกับโน้ตที่ทิ้งไว้โดยมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า

“ถึง Hector: หากคุณกำลังอ่านข้อความนี้ นั่นแปลว่าผมตายไปแล้ว หากคุณได้ยิงเสียงอะไรก็ตามจากล็อคเกอร์ ได้โปรดอย่าเปิดมัน ในระหว่างการลาดตระเวนของผม ผมนึกได้ว่าบางทีระเบิดอาจจะเป็นความหวังที่ดีที่สุดของเราในตอนนี้ แต่ก็นึกขึ้นได้อีกว่าเราไม่มีแบตเตอรี่ เพราะมันถูกส่งไปที่ห้องนิรภัยเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมรู้ว่าคุณมีกุญแจห้องนิรภัยผมจึงจะเดินขึ้นไปหาคุณ

แต่ทันทีที่ผมออกจากห้องอาบน้ำ ผมถูกโจมตีทันที ผมโดนกัด… ผมล้างแผลอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกแย่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังว่าผมจะไม่ต้องย้ำคุณเรื่องการไม่เปิดล็อคเกอร์ รีบหนีออกไปให้เร็วที่สุด

ปล. ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน $600 ที่ผมให้คุณนะ คิดซะว่าเป็นของขวัญละกัน โชคดีคู่หู

จากคู่หูของคุณ Wes”

แต่แน่นอนว่าเป็นสัญชาตญาณเกมเมอร์ที่เราจะค้นทุกอย่างอยู่แล้ว ดังนั้นในห้องน้ำจะมีล็อคเกอร์อยู่สองตู้

รหัสในตู้หนึ่งจะเขียนอยู่บนกระดานขาวในห้องที่เราได้รับกระเป๋าคาดเอวมา

หากขี้เกียจเดินย้อนกลับไป CAP คือคำตอบครับ

ส่วนอีกตู้หนึ่งเพื่อเป็นการเคารพตำรวจคนดังกล่าว Carlos จะไม่เปิด

ซึ่งการติดตั้ง Electronic Gadget ไว้บน C4 จะยังไม่เป็นผลเพราะเรายังไม่มีแบตเตอรี่เพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์นี้ครับ

เมื่อขึ้นมาบนชั้น 3F แล้วเราจะเจอกุญแจวางอยู่ โดยในชั้นนี้เราจะได้เจอกับล็อคเกอร์อีกตู้หนึ่ง

โดยรหัสของตู้นี้สามารถหาได้จากการนำกุญแจที่เพิ่งเก็บได้เมื่อสักครู่ ไปเปิดห้องเก็บของนิรภพที่ชั้น 1F โดยให้สำรวจรูปถ่ายที่ติดอยู่บนกระดานแล้วเราจะเจอกับรหัสนั่นเอง

แต่หากขี้เกียจเดินย้อนไปมา รหัสคือ DCM ครับ

การเดินกลับลงมาในชั้น 1F เราจะได้เจอกับซอมบี้รูปแบบใหม่ Licker รอเราอยู่หน้าห้องนิรภพ บอกเลยว่ามันเร็วสุดๆ

โดยข้อมูลของเจ้าปีศาจตัวนี้คือ มันตาบอดครับ ซึ่งมันจะตอบสนองเฉพาะจากเสียงเดินหรือปืนเท่านั้น

วิธีการสู้กับมันคือเราต้องทำเสียงเดินให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้มันรู้ตำแหน่งของเรานั่นเอง หากยืนนิ่งๆ มันก็จะเป็นเป้านิ่งและไม่ทำร้ายเราครับ

ภายในห้องนิรภัยให้สำรวจตู้และนำเลขตู้ที่ต้องการจะเปิดไปกรอกที่เครื่องครับ โดยตอนนี้เราจะได้แบตเตอรี่มาในครอบครองแล้ว

 

กลับมาที่ชั้น 2F นำแบตเตอรี่และตัวจุดระเบิดมาแปะที่ห้องนี้ครับ โดยเราเมื่อได้ระเบิดทางออกเราจะเจอกับฝูงซอมบี้ พร้อมทั้งการปะทะแบบเลี่ยงไม่ได้ แนะนำว่าค่อยๆ สู้ไปจะดีที่สุดครับ

Chapter 5.5

29 กันยายน, 04:33 น. – ในออฟฟิศของ S.T.A.R.S.

เมื่อมาถึงออฟฟิศของ S.T.A.R.S. แล้วเราจะได้วีดีโอคอลกับ Dr. Bard นักวิทยาศาสตร์ที่เราตามหาอยู่

Bard: “พระเจ้าช่วย รู้ไหมว่าผมใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะติดต่อใครสักคนได้”

Carlos: “ไม่ต้องห่วง แค่บอกผมมาว่าคุณอยู่ที่ไหน”

Bard: “ผมติดอยู่ในโรงพยาบาลเวรนี่ ถูกห้อมล้อมด้วยพวกน่ารังเกียจทุกรูปแบบเลย นี่ฟังนะ แค่ส่งหน่วย S.T.A.R.S. มา พวกเขารู้ว่าต้องทำอะไร”

Carlos: “ขอปฏิเสธ, R.P.D. ก็พังไปแล้ว”

Bard: “ก็หาทางสิวะ Umbrella มันบ้าไปแล้ว มันกำลังฆ่านักวิจัยทุกคน ผมเป็นคนเดียวที่รู้วิธีสร้างวัคซีนเพื่อหยุดพวกซอมบี้ …ดังนั้นคุณจะนั่งโง่อยู่ตรงนั้นก็ได้ หรือจะส่งคนมาช่วยผมออกจากที่นี่!”

Tyrell: “ฉันล่ะอย่างชอบหมอนี่เลยว่ะ”

Carlos: “แน่ล่ะ นายได้ยินเขาแล้วนี่ เราต้องไม่ส่งเขาให้กับบริษัท”

Tyrell: “นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะตัดสินใจได้ นั่นเป็นการตัดสินใจของ Mikhail ฉันจะไปเช็คคอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าเจ้าหมอนั่นอยู่ที่ไหน”

ภายในห้องทำงานเราก็จะพบเอกสารเกี่ยวกับเหตุการณ์บนหุบเขา Arklay เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม โดยมีใจความว่า

“เหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นที่คฤหาสน์ของบริษัท Umbrella ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา Arklay

วันที่ 23 กรกฎาคม ทีม S.T.A.R.S. ได้เข้าไปสืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนา

วันที่ 24 กรกฎาคม ทีม Alpha ได้ตามเข้าไปสมทบและได้ไปพัวพันกับเหตุการณ์บางอย่างภายในคฤหาสน์

มีผู้เสียชีวิตอย่างนับไม่ถ้วนในเหตุการณ์นี้ มีผู้รอดชีวิตเพียง 5 คน ซึ่งเป็นคนของ S.T.A.R.S. โดยสาเหตุของเหตุการณ์นี้มาจากการทดลองอาวุธชีวภาพผิดกฏหมายภายในแลปทดลองลับของ Umbrella ด้านใต้คฤหาสน์

T-Virus ที่ถูกใช้ในการทดลองนี้ได้หลบหนีไปจากสถานที่นี้ และถูกเข้าใจว่าเป็นสาเหตุของทุกอย่างที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามหลักฐานทั้งหมดถูกทำลายไปพร้อมกับคฤหาสน์ ดังนั้นการพิสูจน์ความจริงจะเป็นไปได้ยากมากๆ”

นอกจากนี้เมื่อเราอ่านโน้ตจบ ด้านหลังของโต้ะทำงานจะมีรูปสมาชิกทีม S.T.A.R.S. ตั้งอยู่ ซึ่ง Jill ก็เป็นหนึ่งในนั้น

จากนั้น Jill จะติดต่อเราเพื่อบอกข้อมูลกับเราเรื่องรถไฟตกราง แต่ด้วยสาเหตุบางอย่างสายของเธอจึงถูกตัดไป และ Carlos จะบอกกับ Tyrell ว่าเขาต้องไปช่วยเธอ

Chapter 6

29 กันยายน, ไม่กี่นาทีก่อนหน้า

เราจะได้กลับมาเล่นเป็น Jill อีกครั้ง โดยสถานที่ในฉากนี้จะเป็นตอนที่รถไฟที่เพิ่งตกรางไป ซึ่งในปัจจุบันเราอยู่บริเวณทางเข้าออกฉุกเฉินของรถไฟใต้ดินนั่นเองครับ

ภายในทางออกฉุกเฉินจะเป็นทางเดินตามทางไปเรื่อยๆ ไม่ซับซ้อนอะไรมากนักครับ

เมื่อหาทางขึ้นมาด้านบนได้แล้ว เราจะมาโผล่อยู่ที่ทางออกใกล้ๆ กับริมน้ำ พร้อมกับเสียงคำรามของจากใครบางคน

เมื่อขึ้นมาที่สะพานเราจะพบว่า Nemesis นั้นรอดมาได้แต่อยู่ในสภาพไฟคอกจนต้องโดดลงน้ำไป Jill จะโทรหา Carlos เพื่อรายงานถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

Jill: “เฮ้ Carlos, ตอบสิ”

Carlos: “เออ ว่าไง”

Jill: “พวกเราทำไม่สำเร็จ รถไฟตกราง”

Carlos: “ตกราง? มีใครเป็นอะไรไหม?”

Jill: “ตายหมด, Mikhail ทุกคนเลย”

Carlos: “ฉิบหาย”

Jill: “Nikolai ทิ้งให้พวกเราตาย”

Carlos: “เดี๋ยว, อะไรนะ”

Jill: “อะไรวะ…” *มองไปที่แม่น้ำ จุดที่ Nemesis ตกลงไป

ทันใดนั้น Nemesis ก็ได้พุ่งทะยานขึ้นมาจากน้ำในร่างใหม่ที่น่ารังเกียจกว่าเดิม Jill จะพยายามหนีไปสุดขอบสะพานอีกฝั่ง แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องสู้กับมันอยู่ดี

โดย Nemesis ในร่างนี้จะมีสองรูปแบบสลับไปมาครับ

โดยรูปแบบแรกจะเป็นการโจมตีด้วยท่าทางต่างๆ เช่นการกระโจน การพุ่ง การตบ การทุบ

รูปแบบที่สองจะเป็นการโจมตีแบบปีนขึ้นไปวิ่งบนหลังคาตึกและหาจังหวะกระโจนใส่เรา

เทคนิคการต่อสู้ หากเราเจอการโจมตีในรูปแบบแรกให้เรายิงแล้วหลบไปเรื่อยๆ ส่วนถ้าเราเห็นมันวิ่งพล่านบนหลังคาเมื่อไหร่ แนะนำให้ใช้ Mine Round เพื่อยิงดักมันไว้ พอเจ้าหมายักษ์ตัวนี้วิ่งไปเหยียบระเบิด มันก็จะร่วงลงมาให้เรายิงฟรีนั่นเอง

เมื่อยิงมาได้สักระยะ Jill จะสามารถปราบ Nemesis ได้ในที่สุดด้วยการใช้ Grenade Launcher ยิงจน Nemesis สลบไป เมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลงเธอจะโทรหา Carlos เพื่ออัพเดทสถานการณ์ แต่เขาจะไม่ได้ตอบเราในครั้งนี้

Nemesis จะตื่นขึ้นมาพร้อมจับเราจากด้านหลังโดยไม่ให้เราตั้งตัว แต่ด้วยจังหวะที่ดี Jill จึงสามารถยิงรั้วเหล็กให้ตกลงมาตัดแขนซ้ายของเจ้าปีศาจนี้ได้ เหตุการณ์ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี แต่กลายเป็นว่า Nemesis สามารถงอกแขนใหม่ได้ และปักชิ้นส่วนของตัวเองไว้ที่เรา หลังจากนั้นเราจะล้มลงพร้อมพร้อมอาการชักและหมดสติไป

เมื่อทุกอย่างสงบลง Nikolai ที่แอบดูอยู่จะโผล่ออกมา

Nikolai: “น่าสนใจ… เธอช่วยฉันไว้ได้มากเลยล่ะ คุณวาเลนไทน์”

Chapter 7

ประมาณ 1 วันให้หลัง

Carlos จะบังเอิญมาพบกับ Jill ในสภาพนิ่งสงบ

Carlos: “T ได้ยินฉันไหม”

Tyrell: “ว่าไง”

Carlos: “ฉันเจอ Jill เธอดูเหมือนจะติดเชื้อ ฉันจะพาเธอไปที่โรงพยาบาล เผื่อว่า Bard จะช่วยอะไรเธอได้”

Tyrell: “โอเค เจอกันที่นั่น”

29 กันยายน, 21.20 น. – โรงพยาบาล

เหตุการณ์จะตัดมาที่โรงพยาบาล โดย Carlos จะแบก Jill ไว้บนหลังและวางเธอบนเตียง

Carlos: “สู้มัน Jill ฉันจะไปหาวัคซีนมาให้เธอเอง เธอจะโอเคขึ้น ฉันสัญญา”

เราจะได้กลับมาเล่นเป็น Carlos อีกครั้ง โดยเราจะได้ข้อมูลจาก Tyrell ว่า Bard น่าจะยังอยู่ที่ห้องแลปของเขา ซึ่งเราจะนำไปก่อน

ภายในโรงพยาบาลจะมีซอมบี้อยู่จำนวนมาก การปะทะจะเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้พยายามสู้ทีละตัวเพื่อเลี่ยงการเกิดความเสียหายครับ เพราะสมุนไพรหายากพอสมควรเลย

เมื่อเดินเข้ามายังโต้ะแผนกต้อนรับอย่าลืมเก็บ Tape มาด้วยนะครับ โดยประตูที่เราต้องเข้าไปจะยังไม่สามารถใช้งานได้เพราะเราไม่มีเสียงที่ตรงกับผู้ได้รับอนุญาตในการเข้าห้อง

ทางในโรงพยาบาลจะค่อนข้างงงนิดหน่อย ให้เราหาทางขึ้นชั้น 2 ซึ่งจะมีทางที่เราสามารถกระโดดลงมาเพื่อเก็บกุญแจที่หล่นอยู่ได้ นำกุญแจที่เก็บได้ไปเปิดห้องสุดโถงทางเดินของชั้น 2 ครับ

ให้ทำการค้นล็อคเกอร์ภายในห้องดังกล่าวเพื่อหา ID Card โดยเจ้าการ์ดนี้จะเป็นกุญแจในการเปิดประตูที่เราค้างไว้ในชั้น 1 ครับ

ทันทีที่เราออกจากห้องเราจะได้เจอกับปีศาจกลายพันธ์ตัวใหม่ Hunter β ซึ่งสามารถตบเราตายได้ในครั้งเดียว

เทคนิคการสู้คือใช้ Acid Round ยิงไปจะทำให้มันตายได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะครับ

หลังจากออกจากห้องเดิมแล้ว ให้ทำการเดินตามทางมาเรื่อยๆ โดยเราจะต้องเข้าไปยังห้องที่อยู่ตรงบริเวณทางเชื่อมฝั่งตรงข้ามครับ เมื่อเข้าไปแล้วให้ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูที่ล็อคอยู่

เมื่อเอาชนะศัตรูได้จนหมดและเข้าไปยังห้องชั้นในสุด เราจะได้รับม้วนเทป ให้เราทำการผสมมันเข้ากับเครื่องเล่นเทปที่เราได้มาเมื่อตอนต้นเลยครับ

จากนั้นลงมาที่ชั้นล่าง ให้เราใช้คีย์การ์ดเพื่อเปิดห้องผ่าตัดและสำรวจให้เรียบร้อยครับ

หากสำรวจเสร็จแล้วให้เราเดินย้อนกลับมายังบริเวณโถงแผนกต้อนรับเพื่อใช้เทปนั้นเปิดประตู ซึ่งเทปดังกล่าวก็คือเทปเสียงของ Dr. Bard นั่นเองครับ

ภายในห้องเราจะเห็นว่า Bard นั้นถูกยิงตายคาเก้าอี้ไปแล้ว และเมื่อเราไปเช็คที่คอมพิวเตอร์เราจะพบกับอีเมล์ฉบับหนึ่งที่ Bard ส่งให้กับเพื่อนของเขา Greg Tester โดยมีข้อความว่า

“Greg ฉันรู้ว่านายได้ดูข่าวแล้ว ไวรัสตัวนี้มันกำลังจะครอบงำไปทั้งประเทศ นายไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม นายเป็นเพื่อนที่ดีของฉันมาตลอด ซึ่งฉันจะยื่นข้อเสนอหนึ่งให้นะ

ฉันมีวัคซีนรักษาไวรัสนี้อยู่หนึ่งอัน นั่นไม่ใช่เพื่อนครอบครัวฉัน หรือเมียฉัน ไม่เลย Greg ฉันเก็บมันไว้เพื่อนาย ฉันรู้ดีกว่าใครว่านายนี่แหละความหวังของประเทศชาติ แต่ถ้านายอยากได้ของล่ะก็ นายต้องช่วยฉันออกจากที่นี่ โดยที่ Umbrella ห้ามจับได้

ติดต่อพวก Pentagon เพื่อส่งทีมช่วยเหลือมาหาฉันโดยที่พวก U.B.C.S. ต้องไม่เกี่ยวข้อง ฉันรู้ว่านายมีอิทธิพลมากพอ รีบหน่อย เวลาฉันกำลังจะหมด”

และจะเป็นการตัดเข้าคัตซีนวีดีโอที่ถูกบันทึกไว้โดย Dr. Bard ในวันที่ 29 กันยายน 23.00 โดยมีข้อความว่า

“ผมคิดว่าเวลาของฉันกำลังจะหมด และผมหวังที่จะนำความจริงขึ้นมาเปิดเผยด้วยการอัดวีดีโอ… ที่อาจจะกู้คืนเกียรติยศอันน้อยนิดของผมกลับมา

ความทรมานของประชากร Raccon City เริ่มจากการปล่อยอาวุธชีวิตภาพ หรือที่รู้จักกันในชื่อ T-Virus

นายจ้างของผม บริษัท Umbrella เป็นคนสร้างมันขึ้นมา… และพวกเขาสั่งทีมของผมให้สร้างวัคซีน ซึ่งพวกเราก็ทำ

ตอนนี้ผมเก็บตัวอย่างของวัคซีนไว้ในออฟฟิศของผมที่นี่ ส่วนที่เหลือนั้นถูกเก็บไว้ใต้ดิน แต่พวกคณะกรรมการสาระยำอยากจะทำลายวัคซีนพวกนี้ พวกมันไม่อยากให้โลกรู้ถึงสิ่งที่พวกมันทำ ดังนั้นพวกมันจึงพยายามลบหลักฐานทั้งหมดที่เคยมีเกี่ยวกับการมีอยู่ของไวรัสตัวนี้

ผมไม่ใช่คนโง่ ผมรู้ว่าพวกมันไม่อยากให้ผม……”

เมื่อจบวีดีโอ Carlos จึงได้รู้ความจริงว่า Jill นั้นรู้ความจริงมาตลอดแต่ก็ยังเชื่อใจเขา ซึ่งเป็นสมาชิกของ U.B.C.S. และได้บันดาลโทสะต่อยจอคอมพิวเตอร์แตก ซึ่งบังเอิญว่าเป็นการปลดล็อคประตูที่ปิดอยู่

ภายในห้องที่ถูกล็อคนั้นมีตัวอย่างของวัคซีนที่ Bard พูดถึงในวีดีโอ ให้เราทำการนำวัคซีนนี้กลับมาฉีดให้ Jill เพื่อรักษาเธอ

Chapter 8

1 ตุลาคม, 12.03 น. – โรงพยาบาล

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก Tyrell ก็ได้มาถึงโรงพยาบาลด้วยสภาพเหนื่อยล้า พร้อมกับเปิดทีวีให้เราดูข่าว

“ถึงประชาชนทุกท่าน การแพร่กระจายนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ในวันที่ 1 ตุลาคม เมือง Raccoon City จะถูกทำลายด้วยจรวจมิสไซล์

ขอให้ผู้อยู่อาศัยทุกท่านที่ยังมีสติ หนีออกมาในทันที นี่ไม่ใช่การทดลอง”

เมื่อข่าวจบลงก็ได้มีเสียงซอมบี้จำนวนหนึ่งโอดครวญอยู่หน้าโรงพยาบาล ซึ่งเราจะเป็นคนที่ออกไปคุ้มกันและถ่วงเวลาให้ Tyrell แฮคระบบป้องกันของโรงพยาบาล

การต่อสู้ในโถงนี้จะเป็นไปอย่างยาวนานมาก โดย Tyrell จะขอให้เราถ่วงเวลาให้เขาไปเรื่อยๆ และท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องระเบิดเสาของโรงพยาบาลเพื่อปิดทางเข้าของโรงพยาบาล

เมื่อกลับมาในห้องเราจะพบว่า Jill อาการดีขึ้นแล้ว

Chapter 9

เราจะได้รับบทเป็น Jill ในตอนนี้

โดยเราจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับเจอ Carlos วิ่งเข้ามาบอกเราว่าเหตุการณ์ทุกอย่างได้จบลงเราปลอดภัยแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสำลักเลือดออกมาและกำลังจะกลายร่างเป็นซอมบี้พร้อมทั้งโดนเขากระโจนเข้ามากัดเรา

แน่นอนว่า นั่นคือฝันร้ายของเรานั่นเองครับ

เราจะตื่นมาพร้อมกับความสงสัยว่าเราอยู่ที่ไหน และกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พร้อมกับอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี

ทีวีที่เปิดอยู่จะทำให้เราทราบข่าวว่าตอนนี้เมือง Raccoon City กำลังจะถูกถล่มด้วยมิสไซล์

เมื่อออกมาจากห้องแล้วเราจะพบกับ Tyrell โดยเขาจะเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าคนที่ช่วยชีวิตเราคือ Carlos ซึ่งตอนนี้กำลังไปตามหาวัคซีนที่อยู่ใต้ดินอยู่ แน่นอนว่าด้วยบทนางเอกแล้วเราก็ต้องตามลงไปช่วยเขานั่นเองครับ

ระหว่างทางการไปหา Carlos ให้เราแวะไปที่สะพานทางเชื่อมบริเวณชั้น 2 เดิมทีตอนที่เราเล่นเป็น Carlos เราจะไม่สามารถผ่านการขวางกั้นของเก้าอี้ได้ แต่เนื่องจาก Jill นั้นผอมกว่ามาก จึงสามารถมุดลอดผ่านไปได้สบายๆ

โดยเมื่อผ่านรูดังกล่าวมาได้ก็ให้ทำการโดดลงมาที่สวน เราจะพบกับกระเป๋าใบหนึ่งที่ด้านในจะมี .44 หรือ Magnum อยู่นั่นเองครับ

การไปยังชั้นใต้ดินนั้นจะต้องใช้ Lockpick ด้วย ดังนั้นอย่าลืมนำมาด้วยล่ะครับ

หลังจากลงมายังชั้นล่างแล้วเราจะพบกับความอลังการของสิ่งที่ Umbrella ได้ซ่อนไว้ภายใต้โรงพยาบาลแห่งนี้ //นี่มันคลังแสงชัดๆ

เมื่อเดินมาสักระยะ เราจะได้เจอกับ Nikolai ที่ยืนเก๊กดูเราอยู่ด้านบนพร้อมทั้งพูดผ่านลำโพงว่า

Nikolai: “ฉันต้องยอมรับและเคารพในความดื้อรันของเธอจริงๆ แต่ฉันเกรงว่าเกมของเราจะจบลงที่นี่แล้วล่ะ”

ไฟในโกงดังนี้จะดับลง และเราจะได้เจอกับผีดิบแบบใหม่ Pale Head ซึ่งพวกมันมีความอึดที่สูงกว่าผีดิบทั่วไปมาก

เทคนิคการฆ่ามันคือการใช้อาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอย่าง ปืนลูกซองหรือปืนยิงระเบิด

การฟื้นฟูระบบไฟฟ้าในโกดังนรกนี้จะสามารถทำได้โดยการหาฟิวส์ทั้ง 3 ให้เจอแล้วนำมันมาใส่ในตู้ไฟครับ

ซึ่งฟิวส์อันแรกจะอยู่ที่เครื่องยกตรงจุดที่เราเจอ Pale Head ตัวแรกเลยครับผม

สำหรับฟิวส์อันทีสองและสาม จะอยู่ในตู้ไฟที่มีไฟสีแดงอยู่ครับ ซึ่งหากเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถเจอได้เอง

เมื่อฟื้นฟูระบบไฟเสร็จแล้ว ลิฟท์ที่จะพาเราขึ้นไปหา Nikolai ก็จะสามารถใช้งานได้ แต่เมื่อเราขึ้นมา เขาก็ไม่อยู่เสียแล้ว

เราจะพบกับประวัติการเข้าสู่ระบบอยู่ ซึ่งสรุปออกมาได้ว่า Nikolai ได้มีการบันทึกข้อมูลของเชื้อไวรัสนี้อยู่ตลอดตั้งแต่เริ่มระบาดจนถึงปัจจุบัน แต่ในบันทึกนี้ Nemesis นั้นถูกเรียกว่าอาวุธชีวภาพ ซึ่งนั่นแปลว่า Nikolai เองก็ไม่ได้รู้จัก Nemesis มาก่อนนั่นเอง

หลังจากนั้น Tyrell จะโผล่ขึ้นมาจากลิฟท์ และบอกข้อมูลกับเราว่าได้เจรจากับทางการแล้ว พวกเขาจะยอมหยุดมิสไซล์ให้หากเรายอมส่งวัคซีนทั้งหมดให้แก่พวกเขาเสียก่อน

ซึ่ง Tyrell จะเป็นคนนำทางเราไปยังที่เก็บวัคซีนครับ

ระหว่างการไปยังที่เก็บวัคซีน เราจะถูก Nemesis ซุ่มโจมตี แต่ผลจากการโจมตีนั้นทำให้เราต้องเสีย Tyrell จากการโดนโจมตีในครั้งนี้ครับ

เราจะได้เจอกับแฟ้มข้อมูลถึงมาตรการที่นักวิทยาศาสตร์ในนี้ต้องทำ แต่สิ่งที่สำคัญคือเราจะได้แผนที่ของที่นี่ ซึ่งถูกเรียกว่า NEST2 ครับ

เมื่อเดินตามทางมาได้ระยะหนึ่งเราจะได้เจอกับเครื่องสกัดวัคซีน ซึ่งเราจะต้องเตรียมวัตถุดิบในการสกัดเอาเอง ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวได้แก่ Antigen และ Adjuvant ครับ

เราจะได้รับ Flash Drive ที่เครื่องคอมพิวเตอร์บริเวณมุมห้อง ซึ่งไอเทมนี้เปรียบเสมือน Key Card ในการเข้าถึงห้องต่างๆ นั่นเองครับ

ให้เดินกลับลงมาที่ชั้นล่าง เราจะเจอห้องที่ล็อคคอยู่ ใช้ Flash Drive เพื่อเปิดออก ข้างในจะมี Pale Head อยู่จำนวนหนึ่ง เตรียมกระสุนให้พร้อมล่ะ

ภายในห้องชั้นใน เราจะเจอทางที่ลงไปยังชั้นล่างลงไปอีก พร้อมกับข้อความลาตายของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง โดยเขาจะให้ข้อมูลเอาไว้ว่า Adjuvant ที่เราตามหานั้นถูกเก็บอยู่ในห้อง Lab ฟักตัวอ่อน ซึ่งก็คือห้องข้างล่างนั่นเอง

เมื่อเข้ามาในห้องข้างล่างแล้ว ให้เราดันก้อนพลังงานสีแดงเข้าไป และประตูสู่แล็ปฟักตัวอ่อนไปก็จะสามารถเข้าไปได้

ภายในห้องฟักไข่เราจะเห็นตัวอย่างของพวกปีศาจที่เราเจออยู่มากมาย เรรียกได้ว่าครบทุกแบบเลยก็ว่าได้ ด้านในสุดของห้องจะมีลิฟท์อยู่ ให้ขึ้นไปด้านบนเพื่อตามหา Adjuvant ของเราครับ

หลังจากสำรวจไม่นานมากเราจะมาถึงห้องที่เก็บวัตถุดิบของเราแล้วล่ะครับ โดยในห้องนี้เราจะได้เห็นจดหมายที่ส่งมาถึง Dr. Frankl โดยมีเนื้อความว่า

“ยินดีกับคุณและทีมของคุณที่สามารถสร้าง Nemesis ได้ นี่นับว่าเป็นความสำเร็จอันยอดเยี่ยมของการวิจัยอาวุธชีวภาพอย่างแท้จริง การนำปรสิตเข้าสู่สมองของ Tyrant เพื่อยกระดับพวกมัน มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

ตอนนี้ Jill ก็ได้รู้แล้วล่ะครับว่ายักษ์ที่ไล่ฆ่าเธอมาตลอดมีนามว่า Nemesis

พักเสริมเนื้อเรื่องให้นิดหน่อยครับ

สำหรับใครที่สงสัยว่า Tyrant คืออะไร ผมจะขออธิบายโดยสรุปว่ามันคือมนุษย์ที่ถูกนำไปทดลองโดยการใส่สารเคมีจนทำให้เสียสติและร่างกายพัฒนาจนมีขนาด พละกำลัง และความเร็วสูงมากกว่ามนุษย์ทั่วไป

โดยก่อนหน้านี้ Jill Valentine ได้เคยเจอ Tyrant มาบ้างแล้วครับ แต่ไม่เคยเจอตัวอัพเกรดขนาด Nemesis ครับ

ซึ่งหากใครที่ถามว่า Nemesis มันอัพเกรดมาขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าเดิมทีโปรเจค Tyrant นี้ถูกพัฒนามานานแล้ว และ Nemesis เป็นรุ่นที่ 7 ของมัน

Nemesis เกิดจากการนำปรสิตชื่อ Nemesis Alpha ใส่เข้าไปในสมอง Tyrant T-103 หรือรุ่นเดียวกับ Mr. X โดยจะมีระดับสมองที่สูงกว่า Tyrant ทั่วไปจนสามารถพูดได้ โดยคำพูดที่มันเคยพูดคือ คำว่า “S.T.A.R.S.” นั่นเอง

เมื่อเราได้ Adjuvant เป็นที่เรียบร้อยแล้วให้เราทำการมุ่งเป้ากลับไปยังห้องแรกที่เราเข้ามาหรือห้องที่มี Pale Head เยอะๆ ในตอนแรกและขึ้นบันไดเพื่อไปเอา Antigen ครับ ให้ทำการผสมของทั้งสองอย่างและเราจะได้รับเบสวัคซีนครับ

หลังจากกลับมาที่เครื่องสกัดวัคซีนแล้ว ให้เราใส่วัคซีนของเราลงไปครับ โดยจะมี Puzzle ให้แก้กันเล็กน้อย โดยเป้าหมายเราคือความบาลานซ์ที่ 50-50-50 ครับ

การเพิ่มลดจะส่งต่ออัตราส่วนที่ไม่เท่ากัน แต่หากจนปัญญาแล้วให้เลือกเป็น MID-HIGH-LOW ครับผม

เมื่อเราสกัดวัคซีนสำเร็จ เราจะโดนหนวดปริศนามารัดคอเราและขว้างเราลงมา แน่นอนว่ามันเป็นฝีมือของ Nemesis นั่นเอง

ตอนนี้ภารกิจของเราคือการหนีแล้วล่ะครับ ระหว่างการหนีจะเป็นไปอย่างดุเดือดเพราะ Nemesis จะไม่ปล่อยเราไปง่ายๆ แต่ด้วยสกิลนางเอก สุดท้ายแล้วเราก็จะหนีออกมาได้สำเร็จครับ

Chapter 10

เมื่อเราหนีขึ้นมาที่ชั้นบนได้ เราจะเข้าใกล้สู่ฉากสุดท้ายในการต่อสู้แล้วล่ะครับ เราจะโผล่อยู่ที่โรงเก็บเครื่องปั่นไฟฟ้าอย่างโดยมี Nemesis ตามมาติดๆ

ด้วยแรงกระโดดของ Nemesis ทำให้บันไดเหล็กนั้นพังลง Jill จะร่วงลงมาและเกาะพื้นเหล็กได้ทัน แต่วัคซีนจะตกอยู่บนพื้น ซึ่ง Nikolai ก็จะเข้ามาและหยิบวัคซีนไปและเหยียบมือเราที่กำลังเกาะอยู่

Nikolai: “อู้วว ดูซิว่าเราเจออะไรตรงนี้”

Jill: “Nikolai อย่า!! เมืองนี้ต้องการวัคซีนนี้”

Nikolai: “มากกว่าฉันอีกเหรอ? ฉันไม่คิดว่า… เธอจะเข้าใจสิ่งที่พร่ำบอกเธอมาตลอดหรอก ตอนนี้ฉันรู้ว่าเธอยอมเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนอื่นได้ แต่สำหรับฉัน มันก็แค่งานที่ถูกจ้าง

งั้นมาตกลงกันไหม? เธอลงไปข้างล่างนั่น สู้กับ Nemesis ฉันจะบันทึกข้อมูล และขายข้อมูลการต่อสู้นี้ ถ้าเธอสู้ได้ดีล่ะก็ บางทีฉันอาจจะไม่ต้องการวัคซีนนี้แล้วก็ได้ ยอมรับข้อเสนอไหม? ดี !!”

Nikolai ปล่อยเราลงมาข้างล่าง ให้สู้กับ Nemesis ซึ่งบอกเลยว่างานนี้ไม่ง่ายเลยครับ คำแนะนำสำหรับการสู้ในครั้งนี้คือ ใส่มันทุกอย่างที่มี

โดย Nemesis จะมีระยะโจมตีที่ไกลขึ้น กว้างขึ้นกว่าครั้งที่แล้ว เพราะรอบนี้มือมันเป็นหนวดปลาหมึกไปซะแล้วครับ

เมื่อเราล้ม Nemesis ลงได้ในครั้งแรก Carlos จะปรากฏตัวขึ้นด้านบน

Carlos: “เฮ้ นั่นใช่ Jill รึเปล่า”

Jill: “Carlos !?”

Carlos: “เธอโอเคมั้ย? ฉันจะบอกตำแหน่งให้นะ”

Jill: “ไอเดียดี”

โดยในรูปแบบการต่อสู้รอบที่สองนี้จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะเราจะมี Carlos คอยบอกตำแหน่งของ Nemesis ให้ รวมไปถึงซอมบี้ที่โผล่ขึ้นมาให้เราต้องระวังมากกว่าเดิม

เทคนิคคือเมื่อ Carlos แจ้งว่า Nemesis ไปเกาะอยู่ที่เครื่องเบอร์ไหน ให้เรายิงไปที่สัญญาณไฟสีแดงที่เครื่องดังกล่าวเพื่อทำให้เกิดไฟฟ้าช็อตใส่มันครับ

หลังจากเราล้มมันได้อีกครั้ง Carlos จะบอกให้เราขึ้นเครนไป แต่ไม่ทันไร Nemesis ก็จะตื่นขึ้นอีกครั้ง และในครั้งนี้ Carlos จะเอาเครนกระแทกมันเข้าเต็มๆ และมันจะสลบไปครับ

เมื่อเราขึ้นเครนมาแล้ว Carlos จะปล่อยของเหลวออกมาจากเครื่อง และของเหลวนี้น่าจะเป็นกรดอะไรสักอย่างที่สามารถละลาย Nemesis นี้ไปได้

เป้าหมายเรายังไม่จบลงเพราะตอนนี้ Nikolai ได้วัคซีนไปแล้ว ทำให้เรายังต้องไปไล่ทวงวัคซีนของเราต่อครับ

เมื่อเราพบกับ Nikolai นี่จะเป็นการขึ้นลำกล้องของทั้งสองคน

Jill: “มันจบลงแล้ว เอาวัคซีนคืนมา ไอ้ชั่ว”

Nikolai: “ไม่ล่ะ เธอเอาเงินมาสิ ฉันชอบเงิน พวกเราน่าจะตกลงกันได้นะ ดังนั้นทิ้งปืนซะ!”

กำแพงจะแตกออกมา ใช่แล้วล่ะครับ Nemesis ได้รวมร่างเข้ากับน้ำที่กรดเมื่อกี้ซะแล้ว ตอนนี้มันตัวใหญ่กว่าเดิมอีกครับ

Nikolai: “เธอเคย… เธอเคยเห็นอะไรที่มันเยี่ยมยอดขนาดนี้มาก่อนไหมล่ะ? ข้อมูลในนี้จะมีมูลค่าเป็นล้านๆ ! แต่ เอ่อ เธอก็รู้ว่าเมืองมันกำลังจะระเบิด และชีวิตเราน่ะมันประเมินค่าไม่ได้ โชคดีนะ ฮ่าๆ”

ทันใดนั้น Carlos จะโผล่และ Jill จะสั่งให้เขาไปไล่ตามวัคซีนคืนมา

Jill: “มา เผื่อแกจะยังไม่รู้ นี่แหละครั้งสุดท้ายของแกแล้ว ไอ้สาระยำ”

โดย Jill จะไปหยิบปืนพิเศษมาต่อกรกับมัน โดยปืนนี้มีชื่อว่า FINGeR เป็นปืนที่ถูกดีไซน์มาเพื่อกำจัดพวก Tyrant โดยเฉพาะ

แต่ด้วยพลังทำลายล้างที่สูงมาก ทำให้ปืนนี้จำเป็นต้องอาศัยแหล่งพลังงานที่สูงเช่นกัน ดังนั้นจึงมี Cooldown ในการยิงอยู่ ซึ่งบังเอิญว่าเครื่องกำเนิดพลังงานบางตัวเกิดขัดข้อง เราจึงต้องดันมันเข้าไปด้วยตัวเองครับ

Nemesis จะคอยพ่นน้ำกรดออกมาใส่เรา ซึ่งวิธีทำให้มันหยุดคือยิงเม็ดกลมๆ บนตัวมันให้มัน แล้วมันจะชะงักไปสักพักหนึ่ง นานพอที่เราจะไปดันเครื่องได้ครับ

การยิงครั้งสุดท้ายจะเป็นการยิงจ่อเข้าไปในปากของมัน และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ แล้วครับที่เราต้องสู้กับปีศาจตนนี้

จากนั้นให้เราทำการไล่ตาม Nikolai อีกครั้งโดยผลกระทบจากการยิงเมื่อกี้ทำให้สถานที่แห่งนี้กำลังจะถล่มลง เราจะต้องขึ้นลิฟท์เพื่อไปยังดาดฟ้าทวงวัคซีนของเรากลับมาครับ

เมื่อขึ้นมาบนดาดฟ้าเราจะพบ Carlos นอนไร้สติอยู่ และเมื่อเราเข้าไปดูอาการเขา Nikolai จะโผล่มาเตะปืนเราออกจากมือ

Nikolai: “เธอหยุดฉันไม่ได้หรอก ฉันสัญญาเรื่องวัคซีนกับเธอไว้ใช่ไหม?” *โยนวัคซีนมาข้างๆ เราและยิงทิ้ง

Jill: “ไม่นะ!….. แกรู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไป”

Nikolai: “ไม่รู้ ไม่สน นายจ้างของฉันสั่งให้ฉันทำลาย Umbrella ให้ป่นปี้”

เสียงประกาศจากระบบ: “อีก 10 นาที มิสไซล์จะถึง”

Nikolai: “อ่า มิสไซล์ได้ถูกยิงมาแล้ว ได้เวลาที่ฉันจะไปแล้ว ลาก่อนคุณ Valentine น่าเสียดายที่เธอไม่ฟังฉันเมื่อตอนเธอยังมีโอกาส”

Carlos จะตื่นขึ้นมาพร้อมทั้งกระแทก Nikolai ให้ล้มลง เกิดการต่อสู้กันระหว่างทั้งสอง และในที่สุดแล้ว Carlos จะจับ Nikolai ล็อคไว้และสั่งให้เรายิง

Jill: “ฉันทำไม่ได้ มันอาจจะโดนนายไปด้วย”

Carlos: “ยิงสิ! เธอต้องยิง! มันไม่มีทางอื่นแล้ว!”

Carlos: “ยิงสิโว้ย!”

Nikolai: “เธอไม่ทำหรอก”

กระสุนจะพุ่งไปโดนบริเวณอกของ Nikolai โดยทั้งคู่จะล้มลง จากนั้น Jill จะวิ่งไปหา Carlos

Carlos: “เฮ้ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันทิ้งเธอไว้ในโลกที่ไม่มี Carlos ไม่ได้หรอก มันจะโหดร้ายเกินไป”

ซึ่งในระหว่างนี้ Nikolai จะพยายามคลานหนี

Jill: “แกทำแบบนั้นทำไม”

Nikolai: “ในโลกนี้ทุกอย่างมันมีมูลค่าของมัน แม้แต่การยอมให้โลกสูญสลายก็ตาม”

Jill: “แกทำงานให้ใคร”

Nikolai: “ถ้าฉันบอก… แกต้องพาฉันออกไปจากที่นี่… ฉันยอมจ่ายทุกอย่างที่แกต้องการ”

Jill ยิ้มและเดินหนีออกมาที่เฮลิคอปเตอร์

Nikolai: “แกมันโง่ แกมันไอ้โง่ ้ถ้าฉันตายแกไม่มีทางได้รู้ความจริงนะโว้ยยยย”

Jill: “ฉันไม่ถือที่จะทำงานสืบสวนนิดหน่อยหรอก”

Nikolai ถูกทิ้งไว้ให้ตายในเมือง Raccoon City

ภาพจะตัดมาบนเฮลิคอปเตอร์ โดยเราจะเห็นมิสไซล์ระเบิดเมือง Raccoon City เป็นเถ้าถ่าน ซึ่งเฮลิคอปเตอร์เราเองก็จะเสียหลักเล็กน้อยจากแรงระเบิดนั้นด้วยเช่นกัน

Carlos: “มันจบลงสักทีสินะ”

Jill: “ลาก่อน Raccoon City”

ฉันรู้สึกว่างเปล่าและหนาวเหน็บแม้แรงระเบิดจะมากแค่ไหน ความตายทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากการทำไวรัสหรืออสูรกาย แต่เกิดจากความโลภ ความโลภของมนุษย์

ฉันตัดสินใจแล้วว่าความพินาศ Umbrella จะต้องเป็นเหมือนของเมือง Raccoon ฉันจะทำลายพวกมันให้สิ้นซาก resident evil 3 remake บทสรุป

บทความที่น่าสนใจ